อ้วนขึ้นรึป่าว ชั่งน้ำหนัก หรือ วัดรอบเอว ดีกว่ากัน⁉️

มีคำถามพูดขึ้นมาว่า ระหว่างการชั่งน้ำหนักตอนเช้าทุกวัน หรือ การวัดรอบเอว เพื่อดูว่าน้ำหนักขึ้นหรือยัง แบบไหนจะดีกว่ากัน⁉️

🔎 นักวิทยาศาสตร์ต่างทำการวิจัยในเรื่องนี้กันอย่างหนัก แต่ผลที่ได้รับมันชวนให้สับสนนิดหน่อย

🔎วิธีการพิสูจน์ว่าน้ำหนักตัวของเราเกินมาตรฐานรึยัง คือ การได้คำนวณดัชนีมวลกาย BMI หรือการคำนวณน้ำหนักเทียบกับความสูง

🧮วิธีคำนวณก็คือ นำน้ำหนักตัวกิโลกรัมของเรา มาหารด้วยความสูงเมตร แล้วยกกำลังสอง หรือถ้าให้ง่ายก็กรอกตามเว็บไซต์ก็จะคำนวณได้ง่ายกว่า

🔎ในขณะเดียวกันแพทย์บางคนได้กล่าวว่า การวัดรอบเอวถือเป็นมาตรฐานการวัดน้ำหนักส่วนเกินได้ดีกว่า เพราะไขมันหน้าท้องถือเป็นสัญญาณแห่งอันตรายที่แท้จริง เพราะหน้าท้องที่มีไขมันพอกพูนมีแนวโน้มว่าจะมีอวัยวะที่พอกด้วยไขมันหลบอยู่ ซึ่งถือว่าอันตรายมากโดยเฉพาะกับตับของเรา 🫁

🔎แม้ว่างานวิจัยจากกลุ่มแพทย์ในอังกฤษ ที่จะถามขึ้นในเดือนมีนาคม 2554 จะแย้งกับวิธีการวัดรอบเอวนี้

🔎แต่งานวิจัยชิ้นใหม่ที่ตีพิมพ์ในเดือนมิถุนายน 2554 ในอเมริกาได้เผยว่า การวัดรอบเอว ถือเป็นตัวบ่งชี้ปัญหาเกี่ยวกับโรคอ้วนได้ดีกว่า เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน

⚠️รอบเอวที่เกิน 80 ซม.ในผู้หญิงและ 94 ซม. ในผู้ชาย จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคได้มากกว่า

‼️สำหรับบางคนที่หาเอวไม่เจอไม่ต้องตกใจไป ลองหากระดูกสะโพกส่วนบน กับ กระดูกซี่โครงส่วนล่างให้เจอ พื้นที่ตรงกลางระหว่างสองส่วนนี้คือ เอวของเรา เอาสายวัดมาพาด

🔎ถ้าจะให้คำนวณ BMI เราต้องคำนวณเลขได้เป๊ะมากหรือไม่งั้นก็ต้องเข้าไปหาข้อมูลในเว็บไซต์ดู

แต่วิธีที่ง่ายคือ การดูว่ากางเกงที่ใส่อยู่คับขึ้นมั๊ย และไปค้นหาสายวัดมาวัดให้เห็นกับตาจริงๆ

🔎ทั้งสองวิธีก็ช่วยให้เราลดน้ำหนักได้เหมือนกันเพียงแต่ว่าอย่างไหนทำได้ง่ายกว่าเท่านั้นเอง

📝 อ้างอิง : ชีวิตดี๊ดี แค่เปลี่ยนวิธีตัดสินใจ (Latte or Cappuccino? Hilly Janes)

#สุขภาพดี #สุขภาพดีกับlemon8 #ลดความอ้วน #ลดน้ําหนักด้วยตัวเอง #ลดพุงลดไขมัน #สุขภาพผู้หญิง