ทำไม‼️เครียดแล้ว ต้องอยากทาน "ขนมหวาน" 🍰✨

ในวันที่อารมณ์ของเราไม่มั่นคง ไม่ว่าเราจะรู้สึกเครียด โกรธ เหงา เศร้า หรือกลัว 😤🥹😡 เราจะรู้สึกดีขึ้นได้ หลังจากได้ทานของหวานสักชิ้นสองชิ้น 🧋🧁 เพราะการทานเพื่อบรรเทาความทุกข์ทางใจแบบนี้ เราจะเรียกว่า (Emotional Eating)‼️

การทานด้วยอารมณ์ ✅

ก็คือการทานเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นนั้นเองค่ะ เป็นการเติมเต็มทางความรู้สึกมากกว่าการเติมเต็มกระเพาะอาหาร 💗

และพฤติกรรมการทานแบบนี้ ก็มีรูปแบบความอยากอาหารที่ต่างไปจากความหิวทางกายภาพก็คือ

รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาโดยทันทีทันใด และต้องได้ทานเดี๋ยวนี้

อยากทานแต่อาหารที่มีแคลอรี่สูงๆ เช่น อาหารพวกแป้ง อาหารที่มีไขมันสูง หรือขนมหวานๆ ถึงท้องจะอิ่ม แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนไม่ได้รับการเติมเต็ม ทำให้หยุดทานไม่ได้ซักที และจะตามมาด้วยความรู้สึกผิด‼️หลังจากทานอาหารทั้งหมดไปแล้ว 😭😢

แต่ยังไงการทานเพื่อบรรเทาทุกข์อาจจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ก็ไม่อาจช่วยแก้ "ต้นตอ" ของปัญหาที่แท้จริงได้ค่ะ

และถ้าเราเลือกที่จะทานของหวานในทุกครั้งที่มีอารมณ์ไม่ค่อยมั่นคง 🌈 ในระยะยาว~ ก็จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้

เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน มีไขมันในเลือดสูง และการทานน้ำตาลมากเกินพอดียังก็ทำให้ ร่างกายถูกกระตุ้นมากเกินไป มีผลทำให้การหลั่งของฮอร์โมนโดพามีน ที่ทำให้เรามีความสุขลดน้อยลง

แถมหน้าที่ตอบสนองความเครียด ก็ทำงานได้มากขึ้นด้วย แถมยังช่วยเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีภาวะซึมเศร้าที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ได้เช่นกันค่ะ

ปล. เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ค่ะ 🥹 ถ้าในวันที่รู้สึกไม่ดี เราอยากจะปลอบใจตัวเองเล็กๆน้อยๆ ด้วยขนมหวาน หรือเค้กสักชิ้น แต่ถ้าเรามีแนวโน้มที่จะทานแก้เครียดไม่หยุด ก็ควรหาทางลดความเครียด ✅ ด้วยวิธีการอื่นดูก็ได้ที่ง่ายๆ เช่น

1. ดื่มน้ำแก้วโตๆ ก่อนที่จะไปหาของหวานทาน

2. ทำสมาธิเพื่อให้มีสติ

3. จดบันทึกโน๊ตเพื่อให้รู้อารมณ์ของตัวเอง

4. ไปออกกำลังกายพอประมาณ และนอนพักผ่อนให้เพียงพอ

📍แค่เท่านี้ก็พอจะช่วยให้เราหยุดแก้ปัญหาด้วย การทานมากไปในทุกครั้งที่เครียดได้บ้างแล้วค่ะ 💕

•

•

#ถามตอบปัญหาสุขภาพ #แชร์ความรู้สุขภาพ #สุขภาพผู้หญิง #เคล็ดลับ #แก้เครียด #ลดหุ่นแบบไม่เครียด #เพื่อสุขภาพ #สุขภาพดีกับlemon8 #สุขภาพดีเริ่มต้นจากการกิน #แชร์ประสบการณ์