แชร์ประสบการณ์ บอกลา ท้องผูก กรดไหลย้อน ❌No อาหารเสริม

ข้อมูลนี้มาจาก Functional medicine

ซึ่งไม่ใช่แพทย์แผนปัจจุบันนะคะ

ดังนั้นหลายอย่าง อาจต่างจากความรู้ที่เรามักเข้าใจ

และทั้งหมดเป็นประสบการณ์การตรงของเรา

ซึ่งร่างกายแต่ละคนนั้นต่างกัน ขอให้ทุกคนลองสังเกตกับร่างกายตัวเองดูนะคะ

📝 ใครที่ลองทานผัก ผลไม้ เยอะๆแล้ว + ทานโยเกิร์ต นมเปรี้ยว ไฟเบอร์

และลดเนื้อสัตว์ แต่ไม่หายท้องผูก/ กรดไหลย้อน แบบที่เราเคยเป็น ก็ลองอ่านประสบการณ์เราดูนะคะ 😊🙏

🗓️ ประมาณ 3 ปีก่อน สุขภาพเราแย่มากๆ บวกกับสามีเป็นไทรอยด์ต่ำ อยากให้เค้าหาย เราเลยศึกษาเกี่ยวกับสุขภาพ จนไปเจอ Functional medicine (การรักษาโรคโดยเลี่ยงการใช้ยา แต่รักษาจากต้นตอของโรค)

เมื่อเราลองทำตามข้อมูลที่มี หลักๆคือ เปลี่ยนวิถีชีวิต กินอาหารธรรมชาติ ตอนนี้เรา(และสามีที่เคยไทรอยด์ต่ำ) ไม่มีอาการที่เคยเป็นอีกแล้วค่ะ และไม่ได้ใช้ยาใดๆ

เราประจำเดือนมาตรง โรคกระเพาะ กรดไหลย้อน ท้องผูกหายไป ขับถ่ายเองได้ทุกวัน

#แชร์ประสบการณ์ กินยังไงให้ หายท้องผูก และหายกรดไหลย้อน

🥬 ถ้าพูดถึงเนื้อสัตว์(ไม่แปรรูป) และผักผลไม้

ลำไส้มนุษย์เราย่อยเนื้อสัตว์ได้เอง

แต่ผักหรือผลไม้ที่มีไฟเบอร์ มนุษย์ย่อยเองไม่ได้ ต้องพึ่งแบคทีเรียที่ดีหลากหลายในลำไส้มาช่วยย่อยไฟเบอร์ให้เรา

การจะมีแบคทีเรียที่ดีและหลากหลายในลำไส้

เราต้องกินอาหารจากธรรมชาติไม่แปรรูป

แต่อาหารที่เรากินกัน มักเป็นอาหารแปรรูป

มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูง

ซึ่งพอกินเข้าไปจะไปเพิ่มแบคทีเรียที่ไม่ดี ในลำไส้ (ที่ไม่ย่อยผักให้เรา)

ทำให้แบคทีเรียไม่สมดุล กินผักไปก็ย่อยไม่ได้

จึงท้องอืด และท้องผูก ลำไส้แปรผรวน กรดไหลย้อน อาหารตกค้างในลำไส้

สุขภาพลำไส้แย่ลง ต้องพึ่งยาถ่าย ยาลดกรด

การกินอาหารคาร์บสูง รวมถึงธัญพืช โฮลเกรน และถั่วต่างๆ (ที่มีไฟเบอร์เยอะ) เช่น ข้าว โอ๊ต ถั่วเหลือง ข้าวโพด ถั่วลิลง

และผลไม้น้ำตาลสูง เช่น กล้วย มะม่วง ทุเรียน จะยิ่งทำให้อาหารท้องอืดท้องผูกหนักขึ้น

และ ยังทำให้เราขาดสารอาหารอื่นๆ โดยเฉพาะ โปรตีน วิตามินบี แมกนีเซียม ซึ่งมีผลต่อการทำงานของลำไส้ และระบบต่างๆ

🍳🥩

การปรับอาหารเพื่อให้ลำไส้กลับมาสุขภาพดี แบคทีเรียสมดุล ย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารได้ดี

1. ดื่มน้ำเปล่าเพียงพอสำหรับร่างกาย

เราดื่มน้ำผสมเกลือหิมาลายัน อย่างต่ำ 2 ลิตร/วัน

2. ทานอาหารที่ไม่แปรรูป ร่างกายย่อยได้เอง และมีสารอาหารที่ร่างกายต้องใช้ซ่อมแซม

อาหารจำพวกนั้นก็คือโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ไม่แปรรูป

เช่น เนื้อวัว ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ไก่ หมู ไข่

เสริมด้วย ไขมันดี เช่น ไข่ น้ำมันมะกอกแบบ extra virgin olive อโวคาโด

สรุปคือ

✅ ไม่กินของแปรรูป เน้นกินเนื้อสัตว์ + ไขมันดี

ลดธัญพืช ข้าว โอ๊ต ผัก ผลไม้

เลี่ยงอาหารรสจัด คาร์บสูง น้ำตาลสูง

ลดการใช้ซอสปรุงรสต่างๆ ✅

การปรับอาหาร:

ค่อยๆ ลดคาร์บลง แล้วเพิ่มโปรตีน

อย่าเปลี่ยนทั้งหมดทันที ร่างกายจะรับตัวไม่ทัน

และจิตใจเราก็จะกดดันเกินไปนะคะ

ส่วนใครที่กินทั้งเนื้อสัตว์ และก็กินอาหารแปรรูปทุกชนิด เช่น ขนมปัง ขนมถุงๆต่างๆ เส้นก๋วยเตี๋ยว

แล้วคิดว่าเนื้อสัตว์ทำให้ท้องผูก ลองงดอาหารแปรรูปดูค่ะ

ไม่ถึงเดือนนึงน่าจะเห็นผลว่าเนื้อสัตว์ไม่ใช่สาเหตุ

🧚‍♂️ 3. กินอาหารที่ช่วยเพิ่มแบคทีเรียดีในลำไส้

ซึ่งคืออาหารหมักดอง เช่น กิมจิ , กะหล่ำปลีดอง (Sauerkraut)

มีแบคทีเรียดีมากมาย ทานทุกวันจะช่วยให้ระบบย่อย ลำไส้แข็งแรงขึ้น ย่อยอาหารดี มีภูมิต้านทานแข็งแกร่งมากขึ้นค่ะ

ใครเป็นกรดไหลย้อน / โรคกระเพาะ หากจะทาน ให้ทาน “หลังมื้ออาหารทันที” เริ่มจากวันละ 2-3 คำ พอค่ะ เพื่อป้องกันอาการแสบท้องนะคะ

(กิมจิที่ขายกันมักใส่พริก สำหรับคนเป็นกรดไหลย้อน ลำไส้แปรปรวน, โรคกระเพาะอาหาร ทำทานเองแบบไม่มีพริกจะดีกว่า หรือเลือกทานกระหล่ำปลีดองแทนนะคะ)

ถ้าซื้อ อย่าลืมเลือกซื้อแบบที่ไม่เติมสารกันบูดหรือ food additives อื่นๆ นะคะ ในแอพส้มมีขาย หรือใครชอบทำอาหารเอง ลองดูคลิปสอนทำ แล้วทำตามได้เลยค่ะ

🕓 4. กินเป็นมื้อๆ วันละ 2-3 มื้อ

นอกมื้อทานแค่น้ำเปล่า โดยไม่กินขนม,ลูกอม ระหว่างมื้อ เพื่อให้ลำไส้มีเวลาพัก ลดการกระตุ้นอินซูลิน

🧘‍♀️ 5. จัดการความเครียดได้ดี

เมื่อเราเครียดระบบย่อยจะหยุดชะงัก และทำงานได้ไม่ดีค่ะ หากเป็นคนเครียดง่าย เครียดสะสม ให้ลองฝึกหายใจเพื่อผ่อนคลายความเครียด

โดยการ…

1. หายใจเข้าให้เต็มปอดลึกๆ จนสุด + หายใจเข้าอีกครั้งสั้นๆ (หายใจเข้าสองครั้งติด)

2. จากนั้นค่อยๆหายใจออกจนสุด ออกทางปากด้วย

3. ทำแบบนี้ 4-5 ครั้ง หรือจนรู้สึกผ่อนคลาย สงบลง ใจเย็นขึ้นค่ะ

💪 เสริมด้วยวิตามิน B1 และ แมกนีเซียม

B1

เมื่อเรากินคาร์บและน้ำตาล ร่างกายต้องใช้ วิตามินบี1 ในการเปลี่ยนคาร์บเป็นพลังงาน

ใครทานบีรวม เป็นประจำ ก็ไม่ต้องทานเสริมค่ะ

B1 เลือกแบบ Benfotiamine นะคะ

ใครเหนื่อยล้า ลุกแล้วชอบหน้ามืด น้ำตาลในเลือดสูง(เบาหวาน) บี1 มีส่วนช่วยลดอาการเหล่านี้ค่ะ

แมกนีเซียม

จำเป็นต่อการทำงานในระบบต่างๆ ของร่างกาย ครอบคลุมมากกว่า 500 ฟังชั่น

ทั้งต่อระบบกล้ามเนื้อ ประสาท และลำไส้

ร่างกายเราสร้างแมกนีเซียมเองไม่ได้ ต้องได้รับจากการทาน

คุณหมอ Functional มักแนะนำให้ทานเสริม

เลือกแบบ Magnesium Glycinate นะคะ

ส่วนตัวเราทานเป็นประจำเหมือนกัน วันละ 100-300 mg

ทานตอนท้องว่างได้ ทานก่อนนอนก็ช่วยให้หลับสบาย

ใครเหนื่อยล้าสะสม ปวดหัวบ่อย

เป็นตะคริวบ่อย หรือปวดประจำเดือน ยิ่งแนะนำให้ทานแมกนีเซียม เสริมนะคะ

โบนัส (สำหรับคนขยันอ่าน) 🫰🔐

❌ เลี่ยงอาหารที่มี “กลูเต็น”

ในทาง Functional medicine เมื่อกินกลูเต็นเข้าไป จะส่งผลให้ลำไส้รั่ว ซึ่งทำให้เราดูดซึมสารอาหารได้ลดลง (แม้จะไม่แพ้กลูเต็น แต่ก็จะส่งผลให้การดูดซึมสารอาหารแย่ลง) ส่งผลต่อการซ่อมแซมตัวเองของร่างกาย ยิ่งใครแพ้หนักจะเกิดอาการต่างๆตามมา เช่น ไทรอยด์ไม่ปกติ, โรค autoimmune ชนิดต่างๆ

****ใครเป็นไทรอยด์ต่ำ หรือโรคกลุ่ม autoimmune ควรเลิกทานนะคะ****

สามีเราเลิกทานกลูเต็น และจากไทรอยด์ต่ำ (TSH14) กลับมาปกติไม่ต้องทานยา ภายในไม่ถึง 6 เดือน

หลักๆ กลูเต็นจะอยู่ในแป้งสาลี ก็คือพวก ขนมปัง เบเกอรี่ ของชุบแป้งทอด , ขอบที่มีแป้งสาลี

กลูเต็นยังมีในอาหารเส้นๆ (เช่น พาสต้า ก๋วยเตี๋ยว)

และในทาง functional medicine กลูเต็นมีในธัญพืชด้วยค่ะ

ถ้าใครเลี่ยงอาหารแปรรูปก็จะช่วยลดการทานกลูเต็นไปได้เยอะค่ะ

ใครอ่านจบต้องขอบคุณมากๆ ที่อุตส่าห์เสียเวลาอ่านจนจบนะคะ

หวังว่าจะมีประโยชน์กับหลายๆคนนะคะ 💪🥹🧡

#สุขภาพดีกับlemon8 #ท้องผูก #แก้ท้องผูก #กรดไหลย้อน #กระเพาะอักเสบ #สุขภาพดีเริ่มต้นจากการกิน #หุ่นดี #อาหารเพื่อสุขภาพ #ประสบการณ์เจ็บป่วย