La forma más fácil de descargar videos y galerías desde la aplicación Lemon8
Escritorio: haga clic con el botón derecho y seleccione "Guardar enlace como..." para descargar.
PHOTOS | |||
JPEG | Descargar | ||
JPEG | Descargar | ||
JPEG | Descargar |
สวัสดีน้าเพื่อนๆ💗💗วันนี้ก็กลับมากับหัวข้อเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองอีกแล้ว หวังว่าเพื่อนๆจะชอบกันน้าา
สำหรับเราการทำplannerนั้น ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น เนื่องจากในชีวิตปกติของเรานั้นมีแต่ความเร่งรีบวุ่นวาย ทำให้หลายๆครั้งคนเรามักจะปล่อยปะละเลยสิ่งที่สำคัญมากๆ อย่างความรู้สึกของตัวเองไป หรือลืมว่าเราควรต้องทำอะไรในแต่ละวัน
การวางแพลนจึงเป็นการทำให้เราเห็นภาพรวมของความรู้สึกเรามากยิ่งขึ้นผ่านการทำ mood tracker😇 และการวางแพลนก็ทำให้สิ่งที่เราจะทำสามารถเกิดขึ้นได้อย่างเป็นขั้นตอนมากขึ้นอีกด้วย
📍ในหลายๆครั้งความรู้สึกแย่ๆ หรือลบๆก็อาจจะมาจากปัจจัยที่เราคาดไม่ถึง เช่นการโดนเพื่อนนินทา รถติด หรือแม้กระทั่งหนีบผมไม่ตรงก็อาจจะเป็นปัจจัยที่เกิดผลกระทบทางจิตใจเราจนบานปลายเป็นความเครียดเรื้อรังได้
ดังรูปภาพที่เราแปะไว้ (เราเรียกการทำแบบนี้ว่าmood tracker)เป็นการจดบันทึกความรู้สึกในแต่ละวันซึ่งเราจะสามารถใส่เป็นหน้าอิโมจิ เพื่อแสดงอารมณ์ในวันนั้นได้
การทำแบบนี้จะทำให้เราเกิดคำถามกับตัวเองมากขึ้นว่า ”ทำไมต้องรู้สึกเศร้าล่ะ“ เพราะอิหยัง?? ก็ดูไม่มีอะไรนี่แต่ทำไมถึงเศร้า??
แล้วนั้นแหละค่ะ คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรากลับมามองตัวเองมากยิ่งขึ้น จากแค่อิโมจิตัวเดียวของเรานั่นแหละค่ะ
📍เราจะเกิดการนึกย้อนตามว่า เออแล้วอะไรอะที่ทำให้เราซึมเศร้า หรือรู้สึกแย่
โดยธรรมชาติของมนุษย์เรา เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนอยู่ตรงหน้ามักจะชอบพยายามหาวิธีแก้ไข ดั่งภาพอิโมจิที่แปะไว้
เมื่อเราคิดย้อนมองถึงเหตุการณ์ที่น่าจะเป็นต้นเหตุของอาการเศร้า
เราจะเห็นเลยว่า เรื่องเล็กๆที่เราปล่อยผ่าน อันที่จริงแล้วเราไม่ได้ปล่อยวางได้จริงๆ
ไม่อย่างนั้นเราจะไม่เลือกอิโมจิหน้าเศร้า🤕หรือเสียใจ🥲มาเป็นตัวแทนความรู้สึกที่เรามีในวันนั้นแน่ๆ
หรือกระทั่ง
วันนั้นถ้าเราใส่อิโมจิหน้ายิ้ม☺️เราก็จะเกิดความสงสัยในเชิงเดียวกันว่า “แล้วเรามีความสุขเพราะอะไรกันนะ”
สมมุติถ้าวันนั้นเราได้ยอดไลก์ในไอจีเยอะ
นั่นก็อาจจะพอบ่งบอกได้ว่ามันอาจจะมาจากจุดนี้นั่นเองที่ทำให้เรามีความสุข เห็นไหมล่ะว่าแค่การบันทึกเล็กๆก็ทำให้เราหันมาสังเกตตัวเองมากขึ้นเหมือนกันนะ
ซึ่งการที่เรารู้ว่าความสุขแล้วความทุกข์ของเราเกิดขึ้นจากจุดไหน จะทำให้เราทราบแล้วแก้ไขมันได้ โดยที่ไม่โดนสมองหลอก
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเพื่อนๆเริ่มสังเกตตัวเองว่าเพราะเหตุนี้ทำให้เราเศร้า เพื่อนๆก็จะเปลี่ยนแง่มุมหรือเปลี่ยนความคิดลบๆที่มีต่อมันให้บวกยิ่งขึ้น
อย่างเช่นรถติด 🚗 ซึ่งถ้ามองดีๆ การที่รถติดมันคือปัจจัยภายนอกที่เราแก้ไขไม่ได้ ❌
เราจึงจะใช้วิธีลองฝึกปลงกับมันหรือไม่ก็อาจจะตื่นให้เช้ามากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ไปแทน
หรือการที่รู้ว่าตัวเราจะมีความสุขเวลาถูกเป็นที่ยอมรับแต่พอไม่ได้เป็นที่ยอมรับก็จะทุกข์ใจ เพื่อนๆจะเปลี่ยนความคิดตัวเองดูว่า
ไม่มีอะไรแน่นอนบนโลกใบนี้ 🌍
การไม่คาดหวังแล้วอยู่กับความเป็นจริงดีที่สุด
(สุดท้ายแล้วเราจะเป็นใคร ตัวเราเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด อย่ายึดติดกับตัวตนมากไป)
📍เราจะรู้ตัวว่าในทุกๆวันเราต่างมีเรื่องให้ละคายเคืองใจหลากหลายเรื่อง และแต่ละเรื่องอาจจะไม่ซ้ำกันเลย
การทำmood tracker นี่แหละจะทำให้เรารู้ตัวว่าอีแค่เรื่องเล็กๆนี่แหละอาจเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีในการทำให้เรารู้สึกแย่ได้
(การไม่ยึดติดกับความสุขหรือความทุกข์มากเกินไปอย้างที่กล่าวไปข้างต้นคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะในหลายๆครั้งที่เราเศร้ามักจะเป็นปัจจัยที่มาจากภายนอกเสมอ จริงไม่จริงพูด!)
📍การวางแผนว่าในแต่ละวันจะทำอะไร
ช่วยให้เราทราบว่าอะไรที่สำคัญและไม่สำคัญ
สิ่งนี้จะทำให้เราเรียงลำดับความสำคัญได้ดียิ่งขึ้นและรู้เป้าหมายชีวิตยิ่งขึ้น เราอาจจะใส่สติ๊กเกอร์ประกอบเพื่อเพิ่มความน่ารักให้กับแพลนเนอร์ด้วยเพื่อทำให้เราอยากที่จะเปิดดูยิ่งขึ้น เพราะน้องน่ารักเกินต้าน😖
📍การเขียนแผนการล่วงหน้าก็เหมือนกับการเขียนเชิงตอกย้ำกับตัวเองว่าวันนี้เราต้องทำอะไร
ต้องเรียนถึงไหน กะเวลาให้กับตัวเองได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นเพราะเราให้ค่ากับกิจกรรมนั้นมากขึ้น จากที่ตอนแรกอาจจะไม่แม้แต่จะอยากคิดถึงมันด้วยซ้ำ แต่เพราะการทำแพลนทำให้เราจำใจต้องใส่มันเข้ามา(ภาพของการต้องลงมือทำเลยชัดยิ่งขึ้น)
เมื่อไหร่ที่เราไม่ได้ทำสิ่งนั้นบ่อยๆ เราจะเห็นได้เลยว่าที่จริงแล้วเราก็แค่เป็นคนไร้วินัย และไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนพอ
(จะเกิดเป็นความกล้าที่จะยอมรับกับตัวเองมากขึ้นโดยไม่หาข้อแก้ตัว)
ยกตัวอย่างเช่น เราวางแพลนว่าต้องออกกำลังกายพรุ่งนี้ แต่สุดท้ายไม่ได้ออก 🏋️
เมื่อมันเกิดเหตุการแบบนี้ซ้ำๆ เราจะเริ่มรู้ตัวแล้วว่า มันเกิดจากการที่เราไม่ลงมือทำนั่นเอง
ผลลัพธ์ก็คือยังอ้วนเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แทนที่เราจะมานั่งบ่นว่าตัวเองอ้วน แล้วอิจฉาคนที่ผอมกว่าเหมือนแต่ก่อน(ไม่ได้ปะ555)
ผลสุดท้ายเราก็ไม่สามารถที่จะหลอกตัวเองได้อยู่ดี มันชัดเจนมากว่าไม่ได้ลงมือ ดูจากแพลนเนอร์เป็นหลักฐาน
สิ่งนี้จะทำให้เกิดความละอายใจลึกๆเมื่อเห็นเป้าหมายที่เราวางไว้ไม่ถูกทำให้มันเสร็จสิ้นเราจะเริ่มหงุดหงิดตัวเอง แล้วเลือกที่จะลงมือทำมากกว่าหาข้ออ้าง
📍เมื่อเรามองเห็นภาพความขี้เกียจของตนเองชัดยิ่งขึ้นเท่าไหร่เราจะเกิดการยอมรับความจริงดังที่กล่าวไปข้างบน
และจะเกิดการจัดแจงให้ทุกอย่างดีขึ้นและเป็นระบบมากขึ้นเท่านั้น
อย่างเช่น วางแผนที่เป็นไปได้และสามารถทำได้ในทุกๆวัน✅
เราจะรู้ว่าการวางแผนอะไรที่ยากเกินไปหรือสุดโต่งเกินไปสุดท้ายเราก็จะทำได้ไม่นาน
แต่การวางแผนที่จะทำได้ไปตลอดและยั่งยืน คือการวางเป้าหมายที่ไม่ยากเกินไป (และทำซ้ำๆให้ได้จนเกิดเป็นวินัย นั้นแหละคือสิ่งที่จะนำพาเราสำเร็จตามเป้าที่ตั้งไว้🎁)
📍การที่เราวางแผนทำให้เราลดความเป็นperfectionists ได้ดีมาก
(การที่ทำอะไรต้องเป๊ะเป็นแบบแผนเกินไป)
เพราะเมื่อเราวางแพลนออกมาจริงๆเราจะเห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้มันมากกว่าสิ่งที่จะสามารถทำได้ในหลายๆครั้ง
จึงทำให้เราเกิดความลดหย่อนให้กับตนเองได้มากยิ่งขึ้น
และเลือกจะทำอะไรที่สำคัญก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆนั้นถือเป็นเรื่องรองๆไม่จำเป็นต้องให้ค่ากับทุกเรื่อง💗💗
📍การที่เราวางแผน ในแต่ละวันก็อาจจะมีเรื่องที่เราไม่ได้ทำ หรือต้องย้ายไปทำวันถัดไป ทำให้เรารู้ว่าความperfect ไม่มีอยู่จริง ‼️ขนาดวางแพลนแล้วเรายังไม่สามารถทำได้ในทุกเรื่องที่ตั้งไว้เลยค่ะ555
ทุกอย่างมีความเปลี่ยนแปลง มีการที่เราทำตามแผนได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่อย่างน้อยๆเรารู้ตัวเราดีว่าเราได้ลงมือทำมัน☺️
และกำลังพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆวัน
สุดท้ายแล้วการวางแพลนสำหรับเรามันดีจริงๆค่ะ มันทำให้เรามีระเบียบวินัยมากยิ่งขึ้น แล้วเรายังสะอาดมากขึ้นด้วย 😀
นั่นก็เกิดจากการที่เรามีระเบียบทางด้านความคิด มันเลยลามไปถึงเรื่องอื่นๆของเรา เช่นการดูแลสุขลักษณะอนามัยที่ดีมากขึ้นนั่นเอง💗💗
ลองค่อยเป็นค่อยไปนะคะ แรกๆอาจจะงงๆหน่อยแต่พอทำไปเรื่อยๆจะชิน แล้วรู้สึกเอนจอยกับการทำตามแผนที่ตั้งไว้เองค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะเพื่อนๆ
#ติดเทรนด์ #Planner #พัฒนาตัวเอง #สวยขึ้น #ลดน้ําหนัก #ซึมเศร้า #Howtobeauty #รีวิวชีวิตทำงาน