Lemon8 Video-Downloader

Der einfachste Weg, Videos und Galerien von der Lemon8-App herunterzuladen

32 ปีกับการเป็น People pleaser ได้บทเรียนอะไรบ้าง?

32 ปีกับการเป็น People pleaser ได้บทเรียนอะไรบ้าง?

Desktop: Klicken Sie mit der rechten Maustaste und wählen Sie zum Herunterladen "Link speichern unter...".

PHOTOS
32 ปีกับการเป็น People pleaser ได้บทเรียนอะไรบ้าง? JPEG Herunterladen

สวัสดีค่ะทุกคน 👋🩷 ห่างหายจากการแชร์เรื่องราวชีวิตมานาน วันนี้ก็ได้ฤกษ์เปิดหัวข้อใหญ่ที่เราพึ่งตกตะกอนกับตัวเองมาไม่นานค่ะ ประมาณ 1-2 เดือนก่อนนี่เอง

✍️✨️

จากที่เราเคยเขียน เรามีภาวะทางจิตใจทั้งโรคไบโพล่าร์และซึมเศร้า มันก็ส่งผลให้สภาพจิตใจเราค่อนข้าง sensitive พอสมควร เราก็เป็นแบบนี้มาเสมอทำให้เราขาดการใส่ใจในการดูแลและสังเกตุตัวเองค่ะ จนปัจจุบันนี้เราเริ่มรู้สึกหายดีขึ้นจากโรคต่างๆ ก็เลยได้มีเวลามาอยู่กับตัวเองและนั่งทบทวนเรื่องราวในชีวิต ที่ทำให้เรากลายเป็นใหม่ ในวัยปัจจุบัน

-

People pleaser คือคำที่เรานิยามตัวเองมาเสมอ เราไม่เคยคิดว่ามันเป็นอะไรมากนัก เพราะจริงๆการดูแลทั้งร่างกายและจิตใจของคนอื่นไม่ใช่เรื่องที่แย่และมันก็ดูเป็นเรื่องที่สมควรจะทำอยู่ แต่ด้วยความที่เป็น 'เรา' ที่มันมากเกินไป ทำให้เราเอาใจใส่คนอื่นจนไม่มีสมดุลในชีวิตตัวเอง สรุปว่าจิตใจเราพังค่ะ เราใส่ใจทุกคนและเราเลือกที่จะทิ้งความเป็นตัวเองออกไปทั้งหมด คนอื่นจะมาก่อนชีวิตเราเสมอ และเราไม่เคยแคร์ความรู้สึกตัวเองเลยสักครั้ง หลายๆครั้งไม่ว่าจะเรื่องอะไรเราจะเก็บความรู้สึก ทิ้งความสุข ความฝันออกจากชีวิต และก็บอกตัวเองว่า 'ไม่เป็นไร'

-

คำว่า People pleaser ที่มากเกินไป เราสามารถทำได้ทุกอย่างเท่าที่เราจะเสียสละได้ เพื่อแลกกับคำว่า 'ขอบคุณมากนะ' เท่านั้นก็คือโอเคแล้ว

แต่เราไม่เคยกลับมาสำรวจจิตใจเราเลยว่าตลอดชีวิต

เราใส่ใจทุกคนจนเราลืมไปว่า เราต้องใช้ชีวิตเหมือนกัน เราเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เหนื่อยเป็น เราก็เป็นคนที่มีความฝันจนวันนึงเราจะไม่มีความฝันอีกต่อไปแล้ว เมื่อนานเข้า mindset เราเปลี่ยนไปเหลือแค่ว่า เราเกิดมาเพื่อเอาทั้งชีวิตเราให้คนอื่น อะไรที่ทำให้ทุกคนมีความสุขได้เราจะทำ ส่วนความฝันและการใช้ชีวิตของเราเองก็ช่างมันเถอะ

-

เราตกอยู่ในความสัมพันธ์ Toxic เพราะเราไม่กล้ายืนหยัดเสียงตัวเอง และก็อีกเช่นเคยค่ะ เราใช้ชีวิตของเราเองเพื่ออีกคน ยอมเพื่อแลกให้ความสัมพันธ์ยังคงอยู่ต่อ ทั้งที่ลึกๆเราก็รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่แฟร์ แต่เราก็เลือกที่จะเงียบ

เราไม่กล้าปฎิเสธ ไม่กล้าออกสิทธิ์ออกเสียง และจะเป็นฝ่ายเอ่ยคำขอโทษก่อนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ทั้งที่มานั่งตกตะกอนสรุปได้ว่าเราไม่ได้ผิดอะไรในเรื่องๆนั้นเลยแต่เราจะเป็นฝ่ายพูดขอโทษเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายไม่สบายใจและเราต้องการจบเรื่อง สุดท้ายก็จะเก็บทุกความไม่สบายใจทั้งหมดใส่ในหัวใจตัวเอง

เราปล่อยให้คนอื่น make fun กับความเป็นเราโดยเราไม่เคยตอบโต้ ไม่โต้แย้ง เราจะยอมรับยิ้มขำๆแต่ในใจเราไม่ขำและรู้สึกตั้งคำถามกับตัวเองตลอดว่า ทำไมไม่คิดจะแย้ง ไม่ปกป้องความถูกต้องในตัวเองบ้าง แต่แล้วเราก็ทำแบบเดิมค่ะ เพราะคนอื่นมีความสุข เราก็จะปล่อยผ่าน

เราทำตัวเหมือนเป็นฮีโร่ของทุกคน เราเสียสละได้หมด เราให้ได้ทุกอย่าง สบาย เราทำได้

-

คำถามคือ จริงเหรอ ?

คำตอบของเราก็คือ ไม่จริง เราเป็นทุกข์

เราเป็นทุกข์และเราสงสารตัวเอง

-

เรามันก็แค่คนธรรมดานะใหม่

ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนสักหน่อย

ยืนหยัดในตัวเองบ้างสิ

-

เราว่าทุกคนจะมีจุดเปลี่ยนในชีวิตค่ะ จุดที่เราจะบอกตัวเองว่า 'ถึงเวลาแล้ว' // 'พอแล้ว' // 'หยุดได้แล้ว' // 'ไม่ต้องทำเพื่อใครแล้ว ทำเพื่อตัวเองบ้าง'

และเราพึ่งตระหนักสิ่งเหล่านี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆที่ผ่านมาค่ะ มันอาจจะด้วยทุกสิ่งทุกอย่างสั่งสมที่เคยผูกเป็นปมและเริ่มคลายออก , ปรึกษาจิตแพทย์ประจำตัว , เดินออกจากวงจรเป็นพิษ , ใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น

เราเลยพึ่งคิดได้และเก็บเศษเสี้ยวความรู้สึกของตัวเองมาปกป้องตัวเองบ้าง ที่สำคัญคือเราพึ่งเข้าใจคำว่า 'การใช้ชีวิต อยู่ในพื้นฐานความเป็นจริง' มันเป็นอย่างไร

( แนวทางการแก้ความเป็น People pleaser )

✅️ set boundaries ขีด standard มี character ตามสิ่งแวดล้อม และไม่ได้เปิดตัวตนให้คนอื่นมากแบบที่เคยทำ

เพราะทุกสิ่งที่เราทำในฐานะ people pleaser สอนให้เรารู้แล้วว่า เราไม่ได้รับความเคารพและความเกรงใจใดๆเลย

: คนที่ยืมเงินก็จะขยันยืมเงินอยู่ร่ำไป เพราะเห็นว่าเราใจดีและให้ยืม

: คนที่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ก็จะเอ่ยขออยู่ตลอดเพราะเรามักจะทำตัวแสตนบายอยู่เสมอ

: คนที่มาตักตวงผลประโยชน์ในเรื่องความสัมพันธ์ ก็จะเอ่ยปากพูดหวานๆแล้วพอได้สิ่งที่ต้องการเสร็จก็จะออกไปเพราะเรามักจะทำตัวเองเป็นบ้านทีเขาหันมาเมื่อไหร่ก็จะเจอ

-

โลกนี้ไม่ได้มีพื้นที่มากพอสำหรับคนใจดีเกินควร

นี่คือสิ่งที่เราเรียนรู้และได้รับบทเรียนมา

ถ้าเราปล่อยให้ทุกคนเอาเปรียบ เราจะโดนเอาเปรียบอยู่อย่างนั้น

ถ้าเราปล่อยให้คนอื่นรังแก เราก็จะโดนรังแกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

-

People pleaser อย่างเราตอนหัดปฎิเสธดูในช่วงแรกๆเรากระอักกระอ่วนที่เราทำ จนก็มีหลายๆครั้งที่ไม่กล้าทำ แต่พอเรามาชั่งน้ำหนักความเหมาะสมและถูกต้อง ถ้าความมีสติสัมปชัญญะบอกว่านั่นคือสิ่งที่ควรทำ เราก็จะยืนหยัดที่จะทำค่ะ

หมั่นรักษาสิทธิของตัวเอง

และทุกคนสามารถใช้ชีวิตเอาตัวรอดได้ แม้วันนึงจะไม่มีเราค่ะ อย่าทำตัวเป็นซุปเปอร์ฮีโร่จนลืมตัวเราที่ควรจะดูแลทั้งชีวิตนะคะ

( Q & A )

คำถาม : เราจำเป็นต้องแข็งข้อ ต่อต้านกับคนอื่นๆไหม ?

คำตอบ : ไม่ต้องค่ะ เรายังช่วยเหลือคนอื่นได้ ถ้ามันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง แต่ถ้าเราช่วยไม่ได้ ในกรณีดังเช่น วันนี้เรามีธุระ เราไม่สะดวก เราติดงาน หรือแม้กระทั่งแค่เราเหนื่อยมากแล้ว เราก็แค่พูดออกไปตามความจริงค่ะ เพราะแต่ก่อนเราไม่เคยบอกใคร เราจะยอมทิ้งสิ่งต่างๆและยึดคำขอของอีกฝ่ายเป็น first priority อยู่เสมอ

การที่พูดออกไปตามจริงมันไม่ได้มีดีกับเราอย่างเดียว แต่ใหม่มองว่ามันก็ดีกับอีกฝ่ายไม่ว่าจะกับใครด้วยค่ะ เพราะเขาจะได้รู้และเข้าใจ สุดท้ายเขาก็จะจัดการชีวิตเขาได้ถูกด้วย

💌 บทส่งท้าย 💌

เมื่อเราเริ่มเข้าใจตัวเอง คนอื่นก็จะเข้าใจเรา

เมื่อเราเริ่มเห็นใจตัวเอง คนอื่นก็จะรับรู้ได้

เมื่อเราเริ่มเกรงใจตัวเอง คนอื่นก็จะเริ่มเกรงใจเรา

นี่คือสิ่งที่ใหม่พิสูจน์มาแล้ว

และมันเป็นเรื่องจริงค่ะ

การยุติสภาวะ People pleaser ไม่ได้หมายความว่าเราจะลดความใจดี ขาดความอ่อนน้อมถ่อมตน แต่เราจะรู้จักขอบเขตและลิมิตของตัวเอง รวมถึงเราจะเริ่มเรียนรู้การรักตัวเอง มี self awareness , self esteem ที่มากขึ้นด้วย

อย่าลืมนะคะ ความเงียบไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา ธรรมชาติสร้างเสียงมาให้เราพูด เรื่องบางเรื่องที่มันควรจะพูดเพื่อปกป้องสิทธิตัวเอง ก็อย่าเลือกที่จะ 'ไม่พูด' มันนะคะ

หวังว่าเรื่องราวนี้จะมีประโยชน์กับทุกๆคนนะ :')

#ติดเทรนด์ #ป้ายยากับlemon8 #Lemon8ฟอรั่ม #Lemon8Club #แชร์ประสบการณ์ #บทเรียนชีวิต #เรื่องเล่าความสัมพันธ์ #บทเรียนความสัมพันธ์ #peoplepleaser