“ระบบนิเวศแห่งอำนาจและชนชั้น สอนอะไรเรา?”

“ระบบนิเวศแห่งอำนาจและชนชั้น สอนอะไรเรา?”

บทเรียนจากหนัง ‘Bangkok Breaking : ฝ่านรกเมืองเทวดา’

1) บอยมีโอกาสได้ชมหนังเรื่องนี้ทาง Netflix ที่เพิ่งฉายเมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา เป็นหนังแอคชั่นเดือด ที่ไม่ได้มีแค่การไล่ล่าปะทะอย่างทั่วๆ ไป แต่มันสะท้อนภาพสังคมในกรุงเทพฯ และสังคมไทยอย่างน่าเจ็บปวดที่สุด ทุก Part รังสรรค์ออกมาอย่างประณีต ตั้งใจ และลงทุนลงแรงที่จะเล่าเรื่องปัญหาในสังคม ที่ให้ความสนุก และชุดความคิดที่ก้าวหน้ากับคนดูได้เป็นอย่างดี

2) เมืองกรุงเทพฯ ที่ดุจเทพสร้าง เต็มไปด้วยย่านธุรกิจ การท่องเที่ยว และความเจริญ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ที่แสนโหดร้าย กลับเต็มไปด้วยแหล่งสลัมชุมชนแออัด, การค้ายาเสพติด, แรงงานข้ามชาติ, อาชญากรรม และการค้ามนุษย์ ดังนั้น ชื่อของหนังเรื่องนี้ ใช้คำได้ดีมาก เป็นการนำเสนอวิธีเล่นคำแบบ “ปฏิพากย์” (Paradox) ที่ย้อนแย้งในตัวเอง ทำให้คนเกิดความฉงนในความขัดแย้งว่า ทำไมเมืองเทวดา เมืองคนดี กลับมีนรกอยู่ข้างใน? เป็นการเปิดเผยมุมมืด สะท้อนให้คนเห็น theme ของเรื่องที่ดุเดือด ตั้งแต่ก่อนรับชม

3) สำหรับการแสดงของเวียร์ ศุกลวัฒน์ และมายด์ อาทิตยา จากวง 4EVE เป็นส่วนผสมการแสดงที่ลงตัว ในฐานะคนดู เต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงพวกเขา เอ็นดู และให้กำลังใจเขาทั้งคู่ ให้ฝ่าวิกฤติได้สำเร็จ จาก ‘ชานมไข่มุกแก้วเดียว’ ที่นำเอาความวุ่นวายโกลาหลมาสู่ชีวิต และสร้างการเรียนรู้อันยิ่งใหญ่ให้พวกเขา พลิกชีวิตของพวกเขาหลังการต่อสู้อันดุเดือดครั้งนี้ ให้กลายเป็นมิตรภาพ และความทรงจำที่ไม่รู้ลืมในชีวิต

4) อยากให้หลายๆคนได้ไปดูมุมมองที่สะท้อนผ่านหนัง คงจะได้รับคำตอบว่า “ผู้มีอำนาจในประเทศไทย กำลังทำอะไรกับบ้านเมืองของเราอยู่?” และ “เหตุผลที่เราไม่สามารถแตะต้องเหล่านายทุนธุรกิจมืดได้ น่าเป็นเพราะอะไร?” หนังเรื่องนี้คงจะทำให้คุณได้ฉุกคิด และตื่นรู้ว่า คนที่อยู่ระดับบนๆของประเทศ ในห่วงโซ่อาหารแห่งอำนาจ และชนชั้น พวกเขาได้ประโยชน์อะไรบ้าง จากระบบนิเวศนี้?

5) มันเป็นความจริงที่ว่า “เราอยู่ในสังคมที่ไม่มีความยุติธรรมกับเราเลยแม้แต่นิดเดียว” คนที่ไม่ได้ออกแรงอะไร กลับเอาผลประโยชน์ไปทั้งหมด ด้วยอำนาจของอภิสิทธิ์ชน ที่มีทั้งเงินมหาศาล, connection และพวกพ้อง พวกเขาเกาะกลุ่มกันแน่นหนา กินรวบประเทศ รอรับส่วนแบ่ง และจ้องจะเอาผลประโยชน์จากพวกเขาไปเรื่อยๆ โดยไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากได้เลย มันเจ็บแสบสุดๆที่พวกเราไม่มีวันออกมาจากกับดักแห่งอำนาจที่พวกเขาสร้างไว้อย่างแข็งแรงได้เลย

6) หนังก็บอกเราว่าชีวิตจริงก็ต้องเอาตัวรอดแบบนี้นั่นแหละ จะอยู่ยังไงให้รอดตาย ในเมืองที่มีแต่อันตรายรอบตัว เต็มไปด้วยการแข่งขัน และทุกคนก็ต่างคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่มีเวลาจะเห็นใจใคร และช่วยเหลือใคร ถ้าตัวเองยังไม่สุขสบาย ไม่มีวันคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเอง ความเห็นแก่ตัวที่สะท้อนออกมาในเรื่องนี้ เล่าความเป็น Bangkokian ให้เราต่างเจ็บปวดกับความจริงไปด้วยกัน ‘ถ้าไม่สู้ ก็อยู่ไม่รอดในเมืองนี้’

อยากชวนให้ทุกคนได้ไปพิสูจน์การต่อสู้ และการเอาตัวรอดในห่วงโซ่อาหารแห่งอำนาจและชนชน สตรีมหนังเรื่องนี้ได้แล้ว บน Netflix วันนี้ครับ หนังทำถึงมาก ‘เป็นประสบการณ์ Bangkok ที๋โคตร Real’ ที่สุด ครั้งหนึ่งในชีวิตการชมภาพยนตร์ของบอยเลยครับ

#BangkokBreaking #ฝ่านรกเมืองเทวดา #NetflixTH

#ตุ๊ดส์review #รีวิวหนัง