Working woman ฉบับ คุณแม่ full-time

วันนี้อยากมารีวิวชีวิตตัวเองแบบเยินๆ เลี้ยงลูกก็อยากเลี้ยง งานก็อยากทำ จะออกมาหน้าตาประมาณไหน ไปชมกันค่ะ

ก่อนอื่นบอกก่อนว่านัชจบป.เอกจิตวิทยาการปรึกษา เพราะฉะนั้นการหางาน ไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากสำหรับนัชค่ะ เพราะเป็นวิชาชีพเลย แต่สิ่งที่ท้าทายคือการจัดการเวลา และการเงินที่ต้องรัดเข็มขัดมากขึ้นเพราะทำงานหนักไม่ได้เหมือนก่อน

สิ่งที่นัชทำก่อนมีลูกคือ

✅ Step 1: คุยกับที่บ้านก่อนค่ะว่าเราจะเลี้ยงเอง ดังนั้นรายได้จะลดลงนะ

✅ Step 2: พัฒนาธุรกิจเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้นเพื่อให้ได้เงินมากขึ้น เพื่อชดเชยกับรายได้ของนัชที่เสียไป โดยเน้นที่อะไรที่ทำเงินได้โดยที่ไม่เสียเวลาและไม่ต้องลงแรงมากนักต้องรีบทำก่อนคลอด เช่น การช่วยสามีทำการตลาดให้ร้านเสื้อผ้ามียอดปังมากขึ้นค่ะ (ร้านพรีออเดอร์แบรนด์เนม behypes_official ฝากด้วยน้า 🥰)

✅ Step 3: หา Passive income จากการลงทุนในกองทุนและหุ้นปันผล (ตรงนี้สามีจัดการค่ะ) และปล่อยอสังหาที่ตอนแรกเรามีไว้เฉยๆ ไม่ได้ทำเงิน ก็หาผู้เช่าให้เรียบร้อยก่อนคลอด

✅ Step 4: วางแผนการทำงานจิตวิทยาของตัวเองให้เข้ากับชีวิตแบบใหม่ที่จะเข้ามา คือเน้นทำเคสอยู่บ้านแบบออนไลน์ ไม่เกินกี่เคสต่อเดือน (เพราะตอนทำเคสต้องฝากสามีไว้ แต่เขาก็ต้องทำงาน เลยต้องคุยตารางกันดีๆ) ส่วนเคสที่ต้องออกไปทำนอกบ้านจะจำกัดไว้ไม่เกิน 4 วันต่อเดือน จากแต่ก่อนทำเกือบทุกวัน รายได้ช่องทางนี้จากหลักแสนก็เหลือหลักหมื่น แต่ต้องยอมค่ะเพราะเราตั้งเป้าหมายแล้วว่างานหลักคือการเลี้ยงลูกยังดีมีรายได้หลายทางมาช่วย แต่ต้องประหยัดขึ้นมากค่ะ

แต่ก่อนใช้เงินมือเติบมาก ช้อปปิ้งไม่ยั้ง แต่พอมีลูกแล้วต้องประหยัดเพื่อเขาค่ะ มีลูกนอกจากใช้ความรักแล้ว ต้องใช้เงินจริงๆ ค่ะ 🥹❤️

สภาพตอนนี้คือเริ่มชินแล้ว ตั้งแต่การอดนอน การให้นม(ลูกติดเต้ามากกกก วันที่ทำงานเสร็จแต่ละเคสมีต้องวิ่งไปให้นมลูก🤣 แล้วกลับมาทำงานต่อ อย่างกับให้น้ำนักกีฬา) แต่เป็นความเหนื่อยที่คุ้มค่าน้า ได้เห็นเขาเติบโตในแต่ละวันแบบใกล้ชิด

เป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกท่านนะคะ ❤️

#มนุษย์แม่ฟูลไทม์ #คุณแม่ฟลูไทม์ #แม่ฟูลไทม์ #ติดเทรนด์ #อาชีพแม่ #ไดอารี่มนุษย์แม่ #ถามตอบแม่และเด็ก