รีวิว ผ่าคลอด รพ.รัฐ vs. รพ.เอกชน

รพ.รัฐ

ข้อดี ราคาถูก เราใช้ประกันสังคม ท้องแรกเรากับสามีเพิ่งเปิดธุรกิจส่วนตัวใหม่ๆ อะไรประหยัดได้เราก็ช่วยเขาประหยัด แต่จะว่าไปตอนฝากท้องเราก็ไปบริจาคให้ที่ รพ.อยู่ ประมาณ 2 หรือ 3 หมื่นนี่แหละถ้าจำไม่ผิด และนอกนั้นก็มีบริจาคของให้ รพ. ด้วย และเราไปฝากพิเศษด้วย ตอนคลอดเสร็จเราก็ได้ห้องพิเศษเดี่ยว ตอนคลอดเราไม่มีรูปถ่ายกับลูกในห้องคลอดเลยไม่เหมือนที่คุยกันไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก ตอนหมอพยายามรีดตัวลูกออกมาเราจุกมากหายใจไม่ออก พอลูกคลอดออกมาหัวปูดเท่าลูกมะนาว หมอบอกว่าอาจจะไปกระแทกกับอุ้งเชิงกรานตอนดันออกมา ดีนะที่ค่อยๆยุบหาย การดูแลจากพยาบาลก็ตามหน้าที่ล่ะ เขาให้เราลุกนั่งเอง เจ็บแผลมาก พอลูกออกจาห้องพยาบาบเด็กอ่อนเสร็จ เขาก็เามาให้เราเลี้ยงเองเลย ให้เข้าเต้า เอานมผสมมาให้ป้อน ใช้แก้วจิ๋วป้อน คืนแรกบันเทิงเลย แผลก็เจ็บ ลูกก็ดูดนมทั้งคืน นมก็ไม่มา หัวนมแตกหมด ทรหดสุด

รพ.เอกชน

💰ราคา: เกินครึ่งแสน

เราเปลี่ยนใจมาฝากท้องที่ รพ. เอกชน ตอนท้องได้ 6 เดือน ช่วงนั้นโควิดยังระบาดอยู่ รพ.รัฐเดิมที่เคยฝากพิเศษเราเริ่มไม่ค่อยสะดวกใจ เพราะเขาแจ้งว่าห้องพิเศษไม่พอ ไหนจะผู้ป่วยโควิดอีก เราเลยคุยกับสามีเปลี่ยนไปฝาก รพ.เอกชนแทน คุณหมอและ จนท.ดูแลดีมาก ตอนคลอดก็ดูแลดีอธิบายทุกขั้นตอน คุณหมอวิสัญญีคอยอธิบายชวนคุยตลอดให้เราคลายกังวล ตอนบล๊อคหลังก็ไม่เจ็บ แทงโดนเส้นได้แม่นยำมาก ตอนท้องแรกเราโดนแทงเข็มบล๊อคหลังสองรอบเพราะทิ่มไม่โดนเจ็บฟรีไปหนึ่ง ท้องนี้ตลอนคลอดทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างนุ่มนวล สามีเข้ามาถ่ายรูปได้ มีบริการถ่ายVDOด้วย เก็บทุกโมเม้น แหม่เสียดาย

ลูกคนแรกไม่มีภาพแบบนี้เลย พอคลอดเสร็จเขาจะเอาลูกไปจัดการต่างๆ ให้เราพักฟื้น1คืน พอเราถอดสายปัสสาวะออกเขาก็จะพาลูกมาหา ให้พาเข้าเต้า คืนนั้นเราเอาลูกมาเลี้ยงเอง สบายชิลๆเลยนอนเข้าเต้าหลับไปพักไปกับลูก แต่น้ำนมก็ยังไม่มา มาช้าอยู่ดี เช้ามาเขาก็พาลูกไปอาบน้ำให้ ไปสอนอาบน้ำกัน ถึงเวลาก็เดินไปให้นม เจ็บแผลมากเอาการอยู่นะ เจ็บกว่าท้องแรก แต่ที่รพ.เขาจะมีผ้ารัดหน้าท้องให้เราใส่ไว้ตลอดเลยเบาเจ็บได้มากช่วยให้ลุกนั่งเดินสะดวก

⭐️ความพอใจ: 🌟🌟🌟🌟🌟:ประทับใจมาก แต่ก็ไม่อยากมีอีกละพอ

พออกจากรพ. เราต้องไปนวดเปิดท่อน้ำนม น้ำนมมาช้ามาก