น้ำหอมเฟรชๆ แบบงบน้อย ใช้จริง รีวิวจริง เทสต์แล้ว ถึงอยากบอก

ก่อนอื่นคือเราชอบฉีดน้ำหอม สมัยก่อนที่ขอเงินพ่อแม่ใช้เอง ก็จะแบบเคาเตอร์แบรนด์ หรือหิ้วมา…

แต่พอมาทำงาน ก็รู้สึกว่าชีวิตมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกเยอะแยะมากมาย ทั้งค่าครองชีพ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเนต ค่าเสื้อผ้าที่เปลี่ยนแต่ละเดือน ค่าครีม คสอ. หรือแม้กระทั่งค่าน้ำมัน หรือค่ารฟฟ. ดังนั้นอะไรที่ประหยัดได้ เราก็ประหยัดกันไป…

แต่กว่าจะเจอที่ถูกและหอมโดนใจ ก็มีเสียเงินไปหลายบาทเหมือนกัน ก็ลองไปเรื่อยอ่ะนะ ที่ไม่ชอบก็ให้เพื่อนช่วยใช้ไป ก็คือพยายามลองแบรนด์ที่มีราคาเบาๆ กระเป๋า ฉีดฟุ่มเฟื่อยได้ไม่เสียดาย (จะบอกว่าน้ำหอมยี่ห้อเดียวกัน แต่ฉีดออกมาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะหอมเหมือนกัน อย่างแฟนแอบเอา zara orchid เราไปใช้ เราได้กลิ่นก็ว่าหอมมาก ว่ามันมีกิ๊กเปล่า แต่พอเราใช้เองก็เฉยๆ ดังนั้นถ้าราคามันไม่แพงมาก เราก็ซื้อมาลองได้ แต่ถ้ามันแพง เราก็ต้องมั่นให้พอที่ควักเงินมาลอง หรือมีเวลาไปเลือกที่เคาร์เตอร์เอง 😅)

แบรนด์แรกที่ชอบ

1. แจนยัวร์ กลิ่น sweetie picnic

(จะบอกว่าลองกลิ่น bonnie bo สักอย่าง เเล้วไม่ชอบ กลับมาตายรัง ซื้อสวีทตี้ เบิ้ลขวดที่ 2) กลิ่นนี้ฉีดยังไงก็ได้ ฉีดแบบไม่คิดชีวิต ฉีดมากฉีดน้อยไม่รู้สึกว่าฉุน ฉีดไปเหอะ!!! ฉีดยังไงก็หอมอ่ะเอาดิ๊

ความคงทนก็ดี อากาศร้อนๆ ตอนนี้ก็รอดแบบไม่ฉุนด้วย ทำงาน 8 ชม. คือได้อยู่สบายๆ ถ้าฉีด 2 จึกแล้วดร้อปลงมา ก็อัดเยอะหน่อยตอนเช้า (เราว่าฉีดเสื้อผ้าหอมทนกว่าฉีดตัว)

ราคาก็แบบแล้วเเต่ร้านเลย มีตั้งแต่ ร้อยกว่า สองร้อยกว่า โค๊ดเยอะเเยะ แล้วหัวฉีดก็คือทำได้ดีเลยเเหละ ยังไงก็ซื้อซ้ำติดตู้

2. Zara nude bouquet (ไม่รู้อ่านถูกมั๊ยในคลิป)

คือจริงๆ ตามคลิปเลย จะไปซื้อ deep กับ light garden แต่ว่าไหนๆก็มาถึงช้อป ก็ลองตัวอื่นดู แล้วเห็นคนเคยรีวิวสีนี้ (จำไม่ได้ว่าชื่อไร แต่สีประมาณนี้ ที่เคาร์เตอร์สีแบบนี้มีหลายรุ่นนะ) ก็เลยลองดู

ผลปรากฏว่า พึงพอใจขั้นสุด 😂 เเต่ฉีดมากไม่ได้นะ กลิ่นเค้าจะกลายเป็นหนัก…

เราว่าฉีดน้อยๆ แต่มันนุ่มนวลทั้งวัน มันแบบออกแนวสาวทำงาน กระชับกระเชง แต่คลีนๆ กลิ่นนุ่มๆ ลึกๆ บอกไม่ถูก คล้ายเคาเตอร์แบรนด์นะ ฟีลลักชูรี่แบบมีอะไรนิดนึง เหมือนสาวทำงานแบบมีคลาส!!! (ใช้คำนี้ก็ได้) ความคงทนก็ดี หน้าร้อนเอาอยู่

3. Emyrer perfume

อันนี้ลองมาหลายกลิ่น ถ้าเข้าไปดู ig ของแบรนด์ จะเห็นความ dupของเค้ากับแบรนด์ดัง บางคนเคลมว่าเหมือนยี่ห้อนู้นนี้ แต่เอาเป็นว่าเราก็ลองของเค้ามาหลายขวด ที่ใช้หมดแล้วก็เยอะ แต่ที่รู้สึกว่าดีจริงๆ ก็คือ ruby564 เพราะอะไรเหรอ เพราะกลิ่นท้ายสุดของนาง หอมขาดใจ จะบอกว่าเราไม่ใช่คนสายน้ำหอมหวาน ฉุนๆ ดังนั้นกลิ่นท้อปโน๊ตของตัวนี้ เราไม่รอด ดังนั้นก็เลยแบบฉีดใส่เสื้อคลุม หรือเบลเซอร์ หรือแม้กระทั่งเวลาออกงานราตรีหรูๆ จะฉีดทิ้งไว้ก่อนเลย ตอนเช้ามาหยิบใส่ นางยังหอมอยู่แล้วเปนกลิ่นสุดท้ายที่เราชอบมากกกก แบบเคาเตอร์แบรนด์ โคตรผู้ดีเลยยยย บางตัวอยู่ได้ 5 วันอ่ะ (แต่กลิ่นเเรกนางไม่ไหวจริงสำหรับเรา)

อันนี้หมดเเล้ว คิดว่าจะซื้อมาติดตู้อีก กลิ่นมันทนมากกก และกลิ่นท้ายของนางหอมขาดใจ เวลากลิ่นแรงๆ ของน้องdrop ลง จะเหลือกลิ่นๆ หนึ่ง ซึ่งเอาจริงกลิ่นที่ว่านั้น เราชอบมากกว่า 2 ตัวบนอีก ถ้าใครชอบความหวานๆ ก็ใช้ได้เลยไม่ต้องรอข้ามคืนแบบเรา

4. Sugar bear กลิ่น little baby และ baby bear

little baby คือดูปตัวแป้งแคร์มาเลย กลิ่นเเป้งเด็กมาก (แป้งเด็กแต่ฟีลน้ำหอมนะ)

baby bear ก็แป้งเหมือนกัน แต่ไม่รู้แป้งอะไร

สองตัวเหมือนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แต่เราไม่ชอบใช้เป็น main เราจะเอามาฉีดบนผม (ฉีดห่างๆๆนะ) หรืออาจจะเวลาออกไปนอกบ้านซื้อของ glocery แบบเหมือนอาบน้ำใหม่ๆ มาเดินจ่ายตลาด ฟีลเฟรชๆ บางทีก็ฉีดบรา คือแบบให้ฟีลเพิ่งอาบน้ำ กันกลิ่นเหงื่อออก มันร้อนมากช่วงนี้

เราซื้อ box set ตัวดังมาลอง มีอีกหลายกลิ่น เช่น kiss me, sugar honey, berry you แต่ไม่ได้โดนเราตกขนาดนั้น

มีที่คิดว่าใช้ฉีดผม ฉีดบราก็คือ 2 ตัวที่หยิบขึ้นมาบอก ให้ฟีลเด็กๆ แป้งแคร์ๆ (แต่จะเป็นแป้งเด็กคนละแบบกับเคาร์เตอร์แบรนด์บางตัวนะ)

พิกัด Link ใต้ Bio เลยค่ะ

#น้ําหอมแจนยัวร์ #น้ําหอมผู้หญิง #น้ำหอมราคานักเรียน #น้ำหอมกลิ่นแป้ง #น้ำหอมกลิ่นติดทน #น้ำหอมกลิ่นเทียบเคาน์เตอร์แบรนด์ #รีวิวน้ําหอม #ป้ายยากับlemon8 #น้ำหอมกลิ่นสดชื่น #น้ำหอมกลิ่นสะอาด