BMMF13

สวัสดีครับทุกคน วันนี้เราจะมาแชร์การไปงาน Music Festival ของเรา

งานที่เราไปก็คือ Big Mountian Music Festival 13 ที่เขาใหญ่ จังหวัด โคราช ซึ่งนี่เป็นครั้งที่2ที่เราไปงานนี้ ต้องเล่าย้อนไปก่อนเลยว่าเราอยากไปBmmfตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปง่าาด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ เราเลยทำได้แค่ซื้อDVDมาเปิดดู5555 พอช่วงเข้ามหาลัยการไปงานBmmfของเราก็ดูมีความหวังขึ้นมากๆเลยแต่!!!Covid-19บุก ความหวังเราดับไปเลยอ่ะ55555 จนมาช่วงปี 2565 Bmmf12 เราตั้งใจมากที่จะไปBmmfให้ได้ และเราก็ได้ไปจริงๆแล้วเราติดใจงานนี้มากเลยจนเราต้องไปซ้ำBmmf13 ช่วงวันที่ 9-10 ธันวาคม 2566 เอาหล่ะเล่ามาเยอะแล้ว วันนี้เราตั้งใจจะมาแนะนำการไป Bmmf ฉบับของเราให้ทุกคนได้ดู เผื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจคั้บบ

1.บัตรคอนเสิร์ต

บัตรคอนเสิร์ตเราได้มาในราคา 1700 บาท ซึ่งเราซื้อแบบผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ (หมุนเงินไม่ทันไง🥹)

2.การเดินทาง

การเดินทางไปงานมีหลายแบบมากเลย บางคนที่ชิวก็จะนั่งรถไฟไปลงสถานีปากช่องแล้วต่อรถไปที่งาน แต่เรา!!!ลงทะเทียนกับรถตู้เทวดาแบบไป-กลับ เราขึ้นรถตู้ที่ลานจอดรถห้าง Center One ซึ่งรอบที่เราลงทะเบียนเดินทางเป็นรอบแรกเลย 06.00 ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ไปถึงเขาใหญ่ประมาณ 08.30 (หนาวมากก)

ส่วนขากลับเรากลับตอนงานเลิกเลย เราออกจากงานประมาณตี3 รถตู้มาส่งเราที่หมอชิตประมาณ 6โมง (ขากลับจะช้ากว่าขาไป เพราะว่าตอนหลังจบคอนเสิร์ตรถติดมากก) ราคารถตู้ไป-กลับ 600 บาท

3.ที่พัก

ที่พักสำหรับงาน Bmmf มีให้เลือกเยอะมากเลย ซึ่งทางงานก็มีที่พักทั้งแบบเต็นท์ รถนอน หรือจะเป็นแบบเช่าพื้นที่เปล่าแล้วเอาเต็นท์ไปกาง หรือจะเป็นที่พักนอกงานก็ได้ แต่สำหรับเรา เราเลือกที่พักที่ลานกางเต็นท์บ้านน้องเจ ซึ่งราคาถูกมาก คืนละ600 เราเลือกจองไป1คืน เพราะคืนวันที่2 เรากลับกรุงเทพหลังคอนเสิร์ตจบ ซึ่งทางเจ้าของลานกางเต็นท์บริการดีมาก ไม่ลำบากเลยห้องน้ำก็เยอะและสะอาดด้วย ร้านอาหารก็มีให้เลือกซื้อเยอะมาก กลางคืนอากาศหนาวมากก เราให้ 10/10

4.อาหารการกิน

ส่วนใหญ่เราจะหาข้าวกินก่อนเข้างาน ก็บริเวณที่พักนั่นแหละกินให้อิ่มก่อนเข้างาน เพราะในงานคนเยอะมาก(ขี้เกียดต่อแถวง่ะะ🥹) ราคาไม่แพงเลยทุกคนประมาณจานละ 50-60

5.วินมอเตอร์ไซต์

ข้อนี้สำคัญมากสำหรับคนที่ไม่ได้เอารถส่วนตัวไปหรือคนที่เอาไป(สรุปยังไง55555) ราคาวินปีล่าสุดเริ่มต้นที่ 1-5 กม. ราคาจะอยู่ที่ 100 บาท ถ้าระยะทางเกิน 5 กม. เค้าจะคิดเพิ่ม กม.ละ20 บาท ในใจก็แอบแพงนะ5555แต่ถ้าให้เดินก็ไม่ไหวไง5555 เพราะว่าตลอดเส้นทางที่พักไปงานทั้งรถทั้งฝุ่นเยอะมาก นั่งวินกลับจึงสะดวกกว่าอีกอย่างคอนเสิร์ตจบก็หมดแรงแล้ว555555

6.บรรยากาศในงาน

ถ้าเทียบระหว่าง Bmmf12 กับ Bmmf13 เรามองว่ามีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป อย่างปี Bmmf12 เราชอบLine up ศิลปินมากเลย ศิลปินเยอะมากมีความมันสุดๆ แต่การจัดเวทีค่อนข้างไกลกันไปหน่อยทำให้เดินเหนื่อยมาก แล้วก็ในส่วนของห้องน้ำค่อนข้างน้อยทำให้คนค่อนข้างไปยืนรอกันเยอะมาก (โดยเฉพาะบริเวณเวทีใหญ่ๆ) ส่วน Bmmf13 การจัดการเรื่องระยะห่างของเวทีใกล้กันมากขึ้น มีการเพิ่มห้องน้ำหลายจุดมากขึ้น(อันนี้เราแฮปปี้มาก) แต่เรามีความรู้สึกว่าปีนี้ศิลปินน้อยลงกว่า Bmmf12 พอสมควร แต่เราก็สนุกเหมือนเดิมนะศิลปินทุกวงเตรียมโชว์มาเพื่องานนี้มาดีมากๆเลย ไฮไลท์สุดของ Bmmf ที่เรามองก็คือ "พลุ" ใช่ทุกคนมันคือ "พลุ" บางคนอาจจะมองว่ามันดูธรรมดาแต่สำหรับเรามันฮีลใจมากเลย เสียงดนตรี+พลุ มันอิมแพคในใจเรามาก (แม่งเอ้ยยอธิบายยาก😂) Bmmf14 เจอกันแน่นอน

และนี่การไป Big Mountain Music Festival ครั้งที่ 12 และ 13 ของเรา ทุกคนอ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างครับ (งงมั้ย555) สำหรับเรามันสนุกมากที่ได้ไป Bmmf ทั้ง 2 ครั้ง ประทับใจทั้ง 2 ครั้ง ฟิลแบบไปปลดปล่อยตัวเองในงานคอนเสิร์ต ได้เต้นเพลงที่ตัวเองชอบ ได้รู้จักเพลงใหม่ ได้รู้จักศิลปินใหม่ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ได้เติมไฟให้ตัวเอง ซึ่งมันมีค่ามากสำหรับเรา ในวัย 22 ขวบ ที่กำลังพยายามเติบโต กำลังจะก้าวข้ามจากวัยเรียนไปวัยทำงานที่เราไม่รู้ว่าเรายังมาทำอะไรแบบนี้ได้มั้ย ชีวิตวัยรุ่นมีแค่ครั้งเดียวยังไงก็ใช้ชีวิตให้คุ้มและมีความสุขเนอะ ยังไงก็ขอบคุณทุกคนน้าา ที่แวะมาอ่านกัน นี่เป็นโพสต์แรกของเราเลย (ตื่นเต้นนิดนึง555) อาจจะงงๆกันหน่อยแต่ก็ตั้งใจมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันนะ🥹

บิ๊กเมาน์เท่น #รีวิวคอนเสิร์ต #ติดเทรนด์ #bigmountain #bigmountain13 #เขาใหญ่ #ปากช่อง #คอนเสิร์ต