รีวิวหนังสือเข้าใจโลกหลังความตายที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด💀☠️

From here to Eternity

จากดับสูญสู่นิรันดร์

ผู้แต่ง : Caitlin Doughty

“ผู้ใหญ่ที่เจ็บปวดจากความหวาดกลัวความตายไม่ได้แปลก

หรือติดโรคประหลาด ครอบครัวและวัฒนธรรมที่ฟูมฟัก

ชายและหญิงเหล่านี้ต่างหาก ที่ไม่สามารถถักทอเสื้อผ้าอาภรณ์

ที่หนาพอให้พวกเขาทนต่อความหนาวเย็นของความตายได้”

หนังสือเล่มนี้นำพาเราไปถึง

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ

“วิถีชีวิตหลังความตาย”

มนุษย์เรานั้นมีวิธีการจัดการเกี่ยวกับ

การรับมือความสูญเสียได้อย่างไร

เมื่อไม่สามารถรับมือได้จึงเกิด

“วัฒนธรรมพิธีงานศพ” ขึ้นมา

การมีชีวิตอยู่และความตายเป็นของคู่กัน

ในทุกๆวัน มีคนตายจากโลกใบนี้

ความเศร้า ความสูญเสีย เกิดขึ้นทุกวัน

พิธีงานศพก็เกิดขึ้นทุกวันเช่นเดียวกัน

การเผาศพในเตาอุตสาหกรรมเกิดขึ้นครั้งแรก

ที่ประเทศอิตาลี ในเมืองฟลอเรนซ์ ช่วงปี 1989

จากการวิจารณ์เรื่องการฝังศพ ที่ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นต่างๆ

ผู้เขียนเป็นชาวอเมริกันได้วิจารณ์ถึง

นโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้ประชาชนเผาศพมากกว่าฝัง

แต่การเผาศพนั้นสร้างมลพิษในอากาศมากเป็นอันดับสอง

ทั้งที่จริงแล้วการฝังศพด้วยระบบการจัดการที่ดีนั้น

เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเผาศพ

ผู้เขียนยังวิจารณ์ถึงการที่รัฐบาล

ออกกฎหมายไม่ให้ประชาชนเผาศพ

โดยอ้างถึงการสร้างมลพิษให้สิ่งแวดล้อม

ซึ่งในเครสโตนมีวัฒนธรรมประเพณี

ที่จะมีพิธีเผาศพในชุมชนกันเอง

โดยพิธีเผาศพนั้นสร้างมลพิษน้อยกว่าเตาเผาของรัฐซะอีก

ต่อมาถึงเมือง ทาราโทราจา ประเทศอินโดนีเซีย

ที่นี้มีงาน มาเนเน(ma’nene’) ญาติจะขุดศพขึ้นจากโรงเพื่อ

นำกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัวอีกครั้ง ซึ่งชาวโทราจาเชื่อว่า

เขายังไม่ตาย เขาแค่เป็นไข้ และหลับไปเท่านั้น

งานศพจองชาวโทนาจาจะนำควาย(เชื่อว่าเป็นพาหนะพาผู้ตายไปสู่สวรรค์)

และหมูมาบูชายัญ เป็นระบบตอบแทนในชุมชน

มีการแกะสลักไม้เป็นตัวแทนผู้ตายเพื่อที่ให้ลูกหลานได้เห็นหน้าบรรพบุรุษ

งานมาเนเนเป็นการแสดงออกถึงความเคารพอย่างสูงสุด

และเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้ตาย

ต่อมาที่ประเทศเม็กซิโก งาน Dias de los Muertos

หรือ Day of the dead เกิดจากหนังเจมส์บอนด์

นำมาเป็นแรงบันดาลใจรัฐบาลเลยทำขบวนนี้ขึ้นมา

งานนี้เป็นการแสดงถึงการรักชาติ การเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์

สัญลักษณ์ของการต่อสู้ของกลุ่มทางการเมืองที่ถูกลิดรอนสิทธิ

เพราะประเทศเม็กซิโกถูกรุนรานจากหลายๆประเทศ

มานานหลายสิบปี

มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก

ทำให้เกิดงานนี้ขึ้นมาเพื่อแสดงถึงการสนิทกับความตาย

ความตายเป็นเรื่องสนุกสนาน เพื่อคลายความเศร้า

และในงานมีขนมปังแห่งความตายนำมาวางขาย

ประชาชนจำนวนมากที่เพิ่งสูญเสียคนรักหรือ

ต้องการที่จะหายจากความโศกเศร้า จะมาที่เม็กซิโก

เพราะงานนี้ขึ้นชื่อได้ว่า สามารถบำบัดจิตใจได้เป็นอย่างดี

เพราะทุกคนล้วนที่มางาน มีจิตใจที่เชื่อมโยงกัน

ทุกคนล้วนเข้าใจความเศร้าของกันและกัน

ต่อมาที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน

ขึ้นชื่อว่ามีพิธีงานศพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด

มีการ “รีไซเคิลหลุมศพ” และมีโกศที่ย่อยสลายได้

ต่อมาประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงอันดับต้นๆของโลก

เกิดแนวคิดนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับงานศพและสุสานต่างๆ

เพราะประชาชนคุ้นเคยกับความตายเป็นอย่างดี

หากใครอยากที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ

หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราเข้าใจสังคมได้หลายมุมมองมากยิ่งขึ้น

เข้าใจความตายมากยิ่งขึ้น

#รีวิวหนังสือ #แนะนำหนังสือ #วันนี้อ่านอะไรดี #fromheretoeternity

#จากดัญสูญสู่นิรันดร์ #รีวิวนักอ่าน #อ่านหนังสือ