6 Jars Management: เคล็ดลับบริหารเงินให้มีเก็บ😍

อยากเก็บเงิน แต่พยายามเก็บเท่าไหร่ ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า "เดี๋ยวเดือนหน้าเอาใหม่" เพราะเงินเดือนหมดไม่เหลือจะออมแล้ว ไม่ต้องห่วงครับ วันนี้ปอนด์มีเทคนิคการวางแผนการออมเงิน ที่เป็นไปได้และใช้ได้จริง นั่นคือ "6 Jar Momey Management" เราไปดูกันครับ

ลำดับแรกเลย ปอนด์จะไม่สามารถเอาแผนการบริหารเงินมาบอกกล่าวให้ทุกคนได้ ถ้าไม่มีบุคคลนี้ ต้องของคุณ คุณ T. Harv Eker ผู้คิดค้นการออมเงินดังกล่าว แถมท่านยังเป็น นักลงทุน และนักเขียนหนังสือที่ดังระดับโลกอย่าง "Secrets of Millionaire Mind" เป็นหนังสือเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินและสอน mindset ต่างๆ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ

เรามาดูกันเลยว่าหลักการของ 6 Jar Money Management มีหลักการอย่างไร ไปดูกันเลย

1. Necessities

เราจะแบ่งเงินมาใช้ส่วนนี้ 55% จากรายได้ทั้งหมด นำมาจ่ายค่าใช้จ่ายประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ข้าวของต่างๆ ที่จำเป็น อย่างไรเราต้องมั่นใจนะครับว่าสิ่งที่เราจับจ่ายนั้นต้องมีความจำเป็นกับเราจริงๆ เท่านั้น

2. Financial Freedom

เราจะแบ่งเงินมา 10% จากรายได้ทั้งหมด มาลงทุนเพื่อนอิสระภาพทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นปันผล อสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวม ยังไงก็ตามขึ้นอยู่กับเป้าหมายของปัจเจกบุคคลทั้งนั้น

3. Education

เราจะแบ่งเงินมา 10% เพื่อการพัฒนาตนเอง และนำทักษะที่เรียนมาไปพัฒนาในงานประจำ หรือนำทักษะที่เรียนมานั้นนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของเราเอง เช่น การเรียนคอร์สออนไลน์ อ่านหนังสือพัฒนาตนเอง เรียนการตลาด ฯลฯ

4. Play

เราจะแบ่งเงินมา 10% เพื่อการสร้างความสุขให้กับตนเอง เรามีสิทธิที่จะมีวินัยทางการเงินและมีความสุขให้กับตนเองด้วย ทุกคนควรมีความสุขในทุกๆ วันไม่ว่าจะอยู่ในช่วงใดก็ตาม เช่น ไปปาร์ตี้ ซื้อ Netflix ดูหนัง เติมเกม ฯลฯ

5. Long-term Saving

เราจะแบ่งเงินมา 10% เพื่อการออมในระยะยาว เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน เป้าหมายของกระปุกใบนี้อาจมีเป้าหมายอื่นก็ได้ เช่น เอาไปดาวน์รถ ดาวน์บ้าน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยิ่งกระปุกเงินนี้เยอะ เราก็พร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่คาดฝันได้เช่นกัน

6. Give

เราจะแบ่งเงินมา 5% เพื่อการให้แก่ผู้อื่น เพื่อสร้างความสุขให้กับผู้อื่นและทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี เราอาจจะบริจาคสิ่งของมี่เราไม่ใช้แล้วให้กับผู้คนที่ต้องการ การบริจาคอาจมาในรูปแบบของตัวเงินก็ได้เช่นกัน

เมื่อเรารู้แล้วว่าหลักการของมันทำงานอย่างไร แล้วเราจะเอาไปใช้กับชีวิตจริงได้ยังไง? ไปดูกัน!

สมมุติว่าเราได้เงินเดือน 15,000 บาท

เราก็สามารถเริ่มแบ่งเงินเราออกใส่กระปุกในแต่ละกระปุกได้เล่น จำนวนเงินในแต่ละกระปุกจะออกมาดังนี้

1. Nescessities 55% = 15,000*55% = 8250

2. Financial Freedom 10% = 15,000*10% = 1,500

3. Education 10% = 15,000*10% = 1,500

4. Play 10% = 15,000*10% = 1,500

5. Long-term Investment 10% = 15,000*10% = 1,500

6. Give 5% = 15,000*5% = 750

เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถบริหารเงินได้ มีเงินเก็บ และสามารถสร้างความสุขให้กับเราได้แล้ว

ปล. อย่างไรก็ตามรายรับ-รายจ่ายของแต่ละคนมีความเป็นปัจเจคบุคคล บางคนมีภาระหน้าที่ที่แตกต่างกัน ความรับผิดชอบต่างกัน ฉนั้น เราสามารถปรับแต่งสัดส่วนของกระปุกต่างๆ ให้เหมาะสมกับเราได้ ไม่จำเป็นต้องอิงหลักตามนี้นะครับ เช่น เราอาจจะไม่อยากมีกระปุกบริจาค เราก็สามารถทำสัดส่วนของเงินบริจาคไปใช้ในส่วนอื่นได้ อาจนำไปเสริมกระปุกการลงทุน เพื่อให้ผลตอบแทนงอกเงย หรือเอาไปใส่กระปุกรายจ่ายจำเป็นก็ได้ แล้วแต่ความจำเป็นของเราเลย

เพื่อไม่ให้พลาดคอนเทนต์ดีๆ อย่าลืมกดไลค์ กดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจ และสามารถพูดคุยกันได้ใต้คอมเม้นนะครับ

ช่องทางสำหรับอ่านคอนเท้นคุณภาพ:

Instagram: Tulakom__

Tiktok: @ezpresso69

Facebook: Tula Xanthous Santi

#ติดเทรนด์ #การเงินการลงทุน #มนุษย์เงินเดือน #poundwealthoflife #การเงิน