ปีสามรอซิ่ว ep.2 | อยากเข้าละครเพลง ต้องเรียนอะไรบ้าง

hi kubbb 🙋🏻‍♀️ เราเป็นเด็กปีสามที่เพิ่งตัดสินใจดรอปและกำลังจะซิ่วไปปี 1 ใหม่ค่ะ หลังจากที่เราได้เล่าเรื่องเหตุผลที่ซิ่วไปบ้างแล้วใน ปีสามรอซิ่ว ep.1 คราวนี้เราอยากมาเล่าแพลนในตอนนี้ของเราบ้าง เผื่อใครอยากรู้ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ เป้าหมายคืออะไรค่ะ

เราอยากเข้าวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ สาขาละครเพลง ม.มหิดล หรือที่จะเรียกกันสั้นๆว่า musical theatre MSMU ค่ะ

❓“ทำไมถึงอยากเรียน musical theatre”

ชอบดูละคร/หนังที่มีเพลงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ เริ่มจากหนังดิสนีย์ ไปละครเวทีรัชดาลัย ไปบรอดเวย์ ชอบมากกก ส่วนตอนนี้การดูละครเวทีกลายเป็นงานอดิเรกของเราไปแล้วค่ะ มีที่ไหน โรงเล็ก โรงใหญ่ ก็ไปหมด (ถ้ามีเงินกับเวลา) อีกอย่างคือเป็นคนชอบหลายอย่างค่ะ แล้วละครเพลงมันได้เรียนเกือบทุกอย่างที่เราชอบเลย ร้องเพลง แอคติ้ง เต้น กำกับ เขียนบท ทำฉาก ทุกอย่างที่เป็นละครเพลงเลยค่ะ

และด้วยความที่มันใช้ทักษะหลายอย่างนี่แหละค่ะ เราเลยต้องทำการบ้านเยอะเลยในการเตรียมตัวสอบเข้า

1. ร้องเพลง 🎤

- technical exercises น่าจะง่ายสุด แค่อ่านโน้ตให้เป็น แล้วก็ซ้อมๆๆๆ ถ้าจำได้ก็จบ

- เพลง theatre นี่สำคัญมากกก ต้องเลือกเพลงดีๆ เอาให้เหมาะกับเสียงเรา (เปลี่ยนคีย์ไม่ได้) + โชว์ในสิ่งที่เราทำได้ให้ได้มากที่สุด แล้วก็ต้องซ้อมเยอะๆๆๆ ประเด็นคือร้องเฉยๆไม่ได้ ควรจะเต้น/แอคติ้งตามเพลงด้วย

- เพลง classical เขาห้ามเลือกภาษาไทย/อังกฤษ ดังนั้นส่วนมากก็จะไม่พ้นอิตาเลียนไม่ก็เยอรมัน เราว่ายากสุดคือการออกเสียงกับการหาช่องเสียงให้ถูกตามเทคนิคเพลงคลาสสิค โชคดีหน่อยที่สาขานี้ไม่เน้นมาก

เราเรียนที่ Kru Neung Vocal Studio- สตูดิโอสอนร้องเพลงและเทคนิคการใช้เสียง กับ College of Music Mahidol University (Siam Paragon)

2. เต้น 💃

โจทย์คือให้เต้นเพลง theatre 90-120 วินาที คิดท่าเองหรือให้คนอื่นคิดก็ได้ แล้วเราจะรออะไร ก็ให้คนที่เชี่ยวชาญกว่าคิดสิคะ555555 เราเรียนกับครูแบบตัวต่อตัวเลย เรียนแค่ routine ที่จะเอาไปออดิชันนี่แหละ ส่วนแนวการเต้นนี่อาจจะต้องปรึกษาครูดีๆ การเต้น musical theatre จะไม่ไปทางฮิปฮอป/kpop/cover dance อะไรพวกนี้เท่าไหร่ ส่วนมากจะเป็น jazz, lyrical, contemporary (พวกที่มีพื้นฐานมาจาก ballet)

เราเรียนที่ Bangkok Dance Academy Paragon

3. แอคติ้ง 🎭

จริงๆ เขาออดิชันแค่บทพูดเดี่ยวบทเดียว (ภาษาอังกฤษ) แต่เราเรียนพื้นฐานแอคติ้งใหม่หมดเลย เพราะไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน อยากเก่งซักระดับนึงก่อนเข้าไปเรียนด้วย จะได้ไม่ซัฟเฟอร์กับส่วนนี้ เคยรีวิวไปบ้างแล้วในโพสต์ รีวิวการเรียนแอคติ้งครั้งแรก บทพูดนี่ก็เกี่ยวกับการตีความตัวละครแหละ แนะนำให้ไปดูเรื่องเต็มมาก่อนเพราะสำคัญมากๆ

เราเรียนที่ The Drama Academy สาขา I'm Park จุฬาฯ

4. ทฤษฎีดนตรี 🎼

ทุกคนนน มันเหมือนคณิตศาสตร์มาก system มันต่างกันก็จริง แต่มันใช้ความเข้าใจและการคำนวณคล้ายๆกัน ปวดสมองเหมือนกันเลย5555 ในส่วนนี้ก็ต้องฝึกทำโลด เหมือนทำโจทย์เลขอะ เอาให้เราคุ้นชินกับมันแล้วจะทำได้เร็วเอง

เราเรียนที่ College of Music Mahidol University (Siam Paragon)

5. ear training 👂

สอบวัดความหูดีนั่นเองค่ะ มีหลายพาร์ทเลย

- กดโน้ตสองตัวแล้วให้ตอบว่าเป็นคู่อะไร ชนิดอะไร

- กดคอร์ดแล้วให้เราตอบชื่อคอร์ด

- ฟังเมโลดี้แล้วเขียนเป็นโน้ต

- ฟังจังหวะแล้วเขียนเป็นโน้ต

- อ่านโน้ตแล้วตบมือตามจังหวะ

- อ่านโน้ตแล้วร้องตาม

เราเรียนที่ College of Music Mahidol University (Siam Paragon)

ใครที่สนใจ มาเห็นลิสต์นี้แล้วอย่าเพิ่งกลัวไป มันดูยากจริงแหละ ขนาดเรามีพื้นฐานมาบ้างยังกลัวเลย แต่พอได้เรียนไปเรื่อยๆ มันก็ไม่แย่ขนาดนั้นนะ ยิ่งเป็นสิ่งที่เราชอบด้วยแล้ว ความซัฟเฟอร์จากความยากเลยลดน้อยลงไปด้วย ใครที่สนใจเหมือนกับเราก็อยากให้สู้ไปด้วยกันก่อนนะ ประเทศไทยขาดบุคลากรละครเพลงมากๆๆๆ 🥲 เป็นกำลังใจให้นะคะ หวังว่าจะได้เจอกันตอนเข้าไปเรียนนะ 💕

#มหิดล #เรียนพิเศษ #เรียนคณะไรดี #สอบเข้ามหาวิทยาลัย #ละครเวที #เตรียมสอบ #เตรียมตัวสอบ #เรื่องเล่านักศึกษา #เด็กซิ่ว #dek68