📌 แนวโน้ม ’ค่าการกลั่นสูง‘ หนุนหุ้นกลุ่มโรงกลั่นเติบโต⛽️📈

โรงกลั่นน้ำมัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1.โรงกลั่นแบบธรรมดา (Simple refinery) ซึ่งมีกระบวนการกลั่นแบบ Distillation ที่ทำการแยกส่วนประกอบน้ำมันดิบเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามองค์ประกอบของน้ำมันดิบแต่ละชนิด

2.โรงกลั่นแบบ Complex เป็นโรงกลั่นที่สามารถกลั่นน้ำมันซึ่งมีมูลค่าเชิงเศรษฐกิจสูงกว่าโรงกลั่นแบบ Simple

สามารถปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดหนักที่มีมูลค่าต่ำให้เป็นน้ำมันชนิดเบาที่มีมูลค่าสูงกว่าได้ แต่ก็มีต้นทุนการลงทุนสูงกว่าเช่นกัน

✅ วัตถุดิบหลักที่ใช้กลั่นน้ำมันของโรงกลั่น ก็คือ “ น้ำมันดิบ ” 🛢️

✅ เมื่อโรงกลั่นน้ำมันกลั่นน้ำมันดิบออกมาแล้วก็จะได้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมต่างๆ เช่น น้ำมันดีเซล, น้ำมันเบนซิน, ก๊าซLPG, น้ำมันเครื่องบิน, น้ำมันเตา, น้ำมันหล่อลื่น, ยางมะตอย, และสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

✅ โดยกลุ่มที่มีสัดส่วนการใช้มากที่สุดคือ น้ำมันดีเซล 46% น้ำมันเบนซิน 21% ก๊าซLPG 15% น้ำมันเครื่องบิน 14% น้ำมันเตา 4%

✅ ด้านราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมถูกกำหนดโดยภาวะอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงต้นทุนน้ำมันดิบด้วย

อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมขึ้นกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยประมาณ70%ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั้งหมดถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง ✈️🚘🚃

ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและน้ำมันดิบ (Spread) จึงถูกใช้เป็นเครื่องวัดความสามารถในการทำกำไรหรือมาร์จิ้นของแต่ละผลิตภัณฑ์

✅ ค่าที่ใช้วัดความสามารถในการทำกำไรของโรงกลั่นน้ำมัน คือ ค่าการกลั่นรวม (Gross Refining Margin)

คำนวณจากมูลค่ารวมของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการกลั่นทั้งหมดหักลบด้วยต้นทุนรวมต่อการกลั่นน้ำมัน 1 บาร์เรล

🤍 ซึ่งส่วนต่างยิ่งมาก หมายถึงค่าการกลั่นยิ่งสูง แสดงว่า โรงกลั่นน้ำมันสามารถทำกำไรได้ดี

✅ การกลั่นรวม ประกอบด้วย

1.น้ำมันดิบ

ซึ่งค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้นใน 2 กรณี คือ

▶️ กรณีที่อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมขยายตัวหนุนทั้งราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและราคาน้ำมันดิบให้สูงขึ้น แต่ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมขยับขึ้นมากกว่าต้นทุนน้ำมันดิบ

▶️ กรณีที่อุปทานน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นกดดันราคาน้ำมันดิบให้ลดลง โดยต้นทุนน้ำมันดิบปรับลดลงมากกว่าราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม

2.ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม

3.อัตราการใช้กำลังการผลิต

หากอัตราการใช้กำลังการผลิตสูง ค่าการกลั่นจะสูงตามไปด้วย

4.ความสามารถในการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น

5.การจัดการด้านต้นทุนและแหล่งน้ำมันดิบ

ดยโรงกลั่นที่ใช้น้ำมันดิบชนิดหนักมักมีค่าการกลั่นต่ำกว่าโรงกลั่นที่ใช้น้ำมันดิบชนิดเบา

ซึ่งปัจจุบันโรงกลั่นน้ำมันของไทยมีกำลังการกลั่นสูงเป็น 'อันดับสอง' ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์ มีกำลังการผลิตราว 1.243 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นโรงกลั่นแบบ Complex ทั้งหมด

มีจำนวนผู้ประกอบการ 7 ราย ได้แก่ PTTGC, TOP, IRPC, ESSO3/, SPRC, BCP และ FANG โดยกลุ่มปตท. ถือเป็นกลุ่มทุนใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเนื่องจาก PTT เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน PTTGC, TOP และ IRPC #หุ้น #ลงทุน