แนะนำ “Summer Strike” ซีรีส์ที่บอกให้เราพักฮีลใจ แล้วไปต่อ

เปิดประเดิมการแนะนำซีรีส์เกาเป็นครั้งแรก

เชื่อป่ะว่า เป็นซีรีส์ที่เปิดดู “ด้วยความบังเอิญ”

โดยปกติก็เป็นคนดูหนังดูซีรีส์ อยู่แล้วอะแหละ

แต่ก็ไม่เคยคิดจะเขียนซักที ด้วยจังหวะและอะไรหลายๆ อย่าง

แต่ ซีรีส์ Summer Strike ก็โผล่ขึ้นมาแนะนำใน #netflixซีรีส์

และในจังหวะเวลาที่รู้สึกว่าอะไรๆ มันช่างวุ่นวาย เหน็ดเหนื่อย

อะก็คิดเองเออเองจาก Mood & Tone หน้าหนังที่สดใส ดูเบา

กดดูไปสิ รออะไร

สรุป ซัดยาวจบ 12 ตอนใน 1 วัน

หนังเริ่มต้นจากชีวิตนางเอก สาวอ้อฟฟิสโซล ที่ชีวิตก็วุ่นวาย ลูปวน แข่งขันกับคนรอบตัว แข่งกับตัวเอง เพื่อดั้นด้นประสบความสำเร็จในเมืองใหญ่ ที่อะไรๆ ก็รวดเร็ว เจอคนมากมายทั้งดีทั้งไม่ดี เจอกับแรงเสียดทานที่หนักหน่วง เพื่อนร่วมงานผีสิงเอย แฟนห่วยเอย จนมาเจอจุดเปลี่ยนในชีวิตก็คือ แม่ของเธอจากไปโดยไม่ทันตั้งตัว

นั่นแหละ เธอเลยวิ่งหนีจากเมืองใหญ่

ไปพักใจ และ เริ่มต้นใหม่ ที่เมืองเล็กๆ ริมทะเล

เธอเลือกตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้ง เหลือที่ให้สิ่งจำเป็นแค่ 1 เป้

พร้อมแผนประท้วงชีวิต “1 ปีที่ฉันจะไม่ทำงาน”

ที่หมู่บ้านริมทะเล เธอพบเจอและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนมากมาย บ้างก็ดี ... บ้างก็ไม่ดี บ้างก็สุขใจ บ้างก็แบกทุกข์ไว้

เอาเป็นว่า จบสวยตามคาดการณ์ แต่ก็สอดแทรกอะไรเอาไว้

ที่บอกว่าฮีลใจ ไม่ใช่เพราะมันเป็นเรื่องราวชวนฝัน

แต่หนังบอกเล่า “ความเป็นจริง” อยู่บ้างในมุมที่

ไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นใครทุกคนก็ต่างมีความเจ็บปวดไม่มากก็น้อยเป็นของตัวเอง ซึ่งใช่ว่าทุกคนจะก้าวข้ามได้ แต่เวลาก็จะพาชีวิตไปตามทางของมัน อยู่ที่คุณเลือกจะให้มันป็นแบบไหน จะเลือกซ้ายหรือขวา ก็คงขึ้นอยู่กับความจำเป็นในชีวิต และ จิตใจ

ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ได้กลิ่น โฮมทาวน์ชะชะช่า หรือ Our Blues แต่ส่วนตัว ถ้าทรงฮีลๆ ประมาณนี้ยังยกให้ Our Blues อยู่ ที่ตอนจบของเรื่องเด็ดเราร่วงได้มากกว่าเรื่องนี้ แต่ แต่ แต่ เรื่องนี้ก็ทำเอาเราน้ำตาร่วงกับประโยคที่พระเอกพูด ตอนกลับมาหานางเอก สั้นๆ เรียบๆ แต่เป็นประโยคที่ใครๆ ก็ต้องการ “เจอมาหนักใช่มั้ยครับ” ร่วงเลยไม่ต้องสืบ

โดยรวมซีรีส์ค่อนข้างเรื่อย แต่ก็ยังใช้นางเอกเป็นตัวเดินเรื่องหลัก ที่พาเราเข้าไปเจอเรื่องราวของชีวิตอื่นๆ มีเลิฟไลน์เล็กๆ ไม่เลี่ยน ส่วนตัวชอบตัวละคร บม เป็นตัวละครที่ทำให้เราเสียน้ำตาให้มากที่สุด และเอาใจช่วยมากที่สุด

ถ้าคุณเป็นคนทำงานในเมืองใหญ่ก็คงรีเลทกับเรื่องนี้ได้ไม่ยาก เพราะส่วนตัวรู้สึกว่า จะกรุงเทพหรือกรุงโซล ก็ไม่ได้ต่างกัน เราอยู่ในสังคมที่ทุกคนต้องพาตัวเองไปข้างหน้า เพื่ออะไรก็ตามที่ตัวเองต้องการในชีวิต เพื่อชีวิตที่ต่างคนต่างอยากจะมีความสุข และหลายๆ ครั้ง เราก็มัวมองไปที่เส้นชัย จนลืมความสุขระหว่างทาง

ส่วนตัว (มีแต่ความรู้สึกส่วนตัว 5555) เราไม่ได้มองว่า ซีรีส์ตั้งตัวเป็นตำราแต่อย่างใด เอาจริงๆ การตัดใจทิ้งทุกอย่างไปมันก็ดูจะยากและเกินจริงอยู่นิดหน่อย เราเลยมองว่า ซีรีส์แค่กำลังบอกว่าหยุดพัก มองไปรอบๆ บ้างก็ได้ โดยเฉพาะในวันที่รู้สึกว่าทุกข์ที่เจอมันใหญ่เกินจะแบกไว้

สรุปก็ให้นะ ย่อยง่าย เดาได้ แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้น

มีดราม่า มีแอคชั่นเบาๆ เลิฟนิดๆ ซึ้งหน่อยๆ มาคอยตัด

หยุดยาวนี้ถ้าเหงา ไม่มีอะไรทำ ก็ลองดู

แล้วมาคุยกัน 😁

#แนะนําซีรี่ย์ #ซีรีย์เกาหลี #รีวิวซีรีส์ #รีวิวซีรีส์เกาหลี #หนังสือฮีลใจ #หนังน่าดู #หนังดีบอกต่อ #ฮีลใจ #ฮีลใจตัวเอง