Le moyen le plus simple de télécharger des vidéos et des galeries à partir de l'application Lemon8
Bureau : cliquez avec le bouton droit de la souris et sélectionnez "Enregistrer le lien sous..." pour télécharger.
PHOTOS | |||
JPEG | Télécharger |
มีทฤษฎีและกลยุทธ์หลายอย่างที่เทรดเดอร์ใช้เพื่อวิเคราะห์และทำกำไรจากการเทรดในตลาดการเงิน ต่อไปนี้เป็นทฤษฎีหลักที่มักนำมาใช้:
1. ทฤษฎีดาว (Dow Theory)
ทฤษฎีนี้เป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิค กล่าวว่าตลาดมีสามแนวโน้มหลัก: แนวโน้มขาขึ้น (bullish), แนวโน้มขาลง (bearish) และแนวโน้มด้านข้าง (sideways) ทฤษฎีนี้ยังแนะนำว่าแนวโน้มใหญ่จะประกอบด้วยคลื่นเล็กๆ หลายคลื่น
2. ทฤษฎีคลื่นเอลเลียต (Elliott Wave Theory)
ทฤษฎีนี้เน้นไปที่การเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นเป็นรูปแบบคลื่น โดยบอกว่าตลาดมีลักษณะเป็นคลื่นที่ประกอบด้วย 5 คลื่นขึ้นและ 3 คลื่นลง เทรดเดอร์ใช้คลื่นเอลเลียตเพื่อคาดการณ์ทิศทางตลาดในอนาคต
3. ทฤษฎีปริมาณ (Volume Theory)
การเคลื่อนไหวของราคาและปริมาณการซื้อขายเป็นสององค์ประกอบที่สำคัญ เทรดเดอร์จะใช้ปริมาณเพื่อยืนยันแนวโน้ม เช่น หากราคาปรับขึ้นและมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มนั้นจะแข็งแกร่งต่อไป
4. ทฤษฎีตลาดมีประสิทธิภาพ (Efficient Market Hypothesis - EMH)
ทฤษฎีนี้กล่าวว่าราคาหุ้นสะท้อนข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาดแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่นักลงทุนจะทำกำไรในระยะยาวได้เกินกว่าตลาด ทฤษฎีนี้ไม่สนับสนุนการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือพื้นฐานในการเทรด
5. ทฤษฎีอุปสงค์-อุปทาน (Supply and Demand Theory)
การเทรดโดยใช้ทฤษฎีนี้จะเน้นการวิเคราะห์จุดที่เกิดการกลับตัวของราคา โดยดูจากพื้นที่ที่มีการซื้อ (Demand Zone) และขาย (Supply Zone) ในปริมาณมาก เทรดเดอร์จะเข้าสู่ตลาดเมื่อราคากลับมาแตะโซนเหล่านี้
6. ทฤษฎีการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่นิยมที่สุด ใช้กราฟราคาและดัชนีชี้วัดต่างๆ (Indicators) เช่น RSI, MACD, Moving Average เพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต โดยอาศัยการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต
7. ทฤษฎีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
เป็นการวิเคราะห์ที่เน้นศึกษาปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเงิน เช่น GDP, การจ้างงาน, อัตราเงินเฟ้อ, และนโยบายการเงินของธนาคารกลาง เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์
8. ทฤษฎีความน่าจะเป็น (Probability Theory)
ทฤษฎีนี้เกี่ยวข้องกับการประเมินความน่าจะเป็นในการเกิดขึ้นของเหตุการณ์หรือรูปแบบราคา เทรดเดอร์จะกำหนดกลยุทธ์ที่เพิ่มโอกาสให้กำไรแม้ว่าจะไม่ได้ชนะในทุกการเทรดก็ตาม
9. ทฤษฎีโกลเด้น ครอส และ เดด ครอส (Golden Cross & Death Cross)
ทฤษฎีนี้เกี่ยวข้องกับการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวขึ้นไป จะเรียกว่า “Golden Cross” ซึ่งเป็นสัญญาณขาขึ้น ในขณะที่เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นตัดเส้นระยะยาวลง จะเรียกว่า “Death Cross” ซึ่งเป็นสัญญาณขาลง
10. ทฤษฎีสมมาตร (Symmetry Theory)
ทฤษฎีนี้เกี่ยวกับความสมมาตรของราคาที่อาจย้อนกลับไปสู่จุดที่เคยอยู่ในอดีต โดยใช้สมมุติฐานว่าตลาดมักจะมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในลักษณะสมมาตร
การเลือกใช้ทฤษฎีใดๆ ควรพิจารณาจากความเข้าใจของคุณต่อทฤษฎีนั้น และความเข้ากันกับสไตล์การเทรดของคุณ