Tải Video Lemon8

Cách dễ nhất để tải video Lemon8 và tải ảnh từ ứng dụng Lemon8

ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ศาสตร์แรกลงทุนหุ้น (ฉบับย่อยง่าย)

ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ศาสตร์แรกลงทุนหุ้น (ฉบับย่อยง่าย)

Máy tính: Nhấp chuột phải và chọn "Save link as..." để tải xuống.

PHOTOS
ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ศาสตร์แรกลงทุนหุ้น (ฉบับย่อยง่าย) JPEG Tải xuống
ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ศาสตร์แรกลงทุนหุ้น (ฉบับย่อยง่าย) JPEG Tải xuống
ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ศาสตร์แรกลงทุนหุ้น (ฉบับย่อยง่าย) JPEG Tải xuống
ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ศาสตร์แรกลงทุนหุ้น (ฉบับย่อยง่าย) JPEG Tải xuống
ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ศาสตร์แรกลงทุนหุ้น (ฉบับย่อยง่าย) JPEG Tải xuống
ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ศาสตร์แรกลงทุนหุ้น (ฉบับย่อยง่าย) JPEG Tải xuống
ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ศาสตร์แรกลงทุนหุ้น (ฉบับย่อยง่าย) JPEG Tải xuống
ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ศาสตร์แรกลงทุนหุ้น (ฉบับย่อยง่าย) JPEG Tải xuống
ทฤษฎีดาว (Dow Theory) ศาสตร์แรกลงทุนหุ้น (ฉบับย่อยง่าย) JPEG Tải xuống

เรียกได้ว่า เป็นทฤษฎีสายเทคนิคคอล ที่คนเล่นหุ้นจะต้องรู้จักและทำความเข้าใจซะก่อน..

Dow Theory ได้ถูกคิดค้นโดย Charles Henry Dow มากว่า 100 ปีที่แล้ว ซึ่งทฤษฎีได้กล่าวถึง หลักการที่สำคัญของการใช้ Technical เอาไว้ 6 ข้อด้วยกัน คือ

1. กราฟราคาหุ้น ได้สะท้อนข่าว เหตุการณ์ทางการเงินทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว (ทั้งข่าวดีและข่าวร้าย)

Ex.

Apple บริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกอย่างประกาศงบการเงินไตรมาส 4 ของปี 2023 ว่า

- มีรายรับรวมทั้งสิ้น 8.95 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงมา 3% จากปีก่อน

- ยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านอุปทาน และอุปสรรคธุรกิจในตลาดจีน จากนโยบายสกัดกั้นทางเทคโนโลยีจากรัฐบาลจีนที่เข้มงวดขึ้น เพื่อปิดกั้นการใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Apple

- ยอดขายของ Huawei คู่แข่งที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ข่าวลบพวกนี้ ทำให้ราคาหุ้นของ Apple ดีดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 11.3% ก็เพราะ ราคาหุ้นก่อนหน้านั้นได้ดูดซับรับข่าวร้ายไปหมดแล้วนั่นเอง

Ex.

Tesla บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศงบการเงินไตรมาส 4 ของปี 2023 ว่า

- รายได้จากการขายรถยนต์อยู่ที่ 21,300 ล้านดอลลาร์ หรือเติบโต 33% เมื่อเทียบกับปีที่แล้

- การหั่นราคานั้นจะกระตุ้นความต้องการ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้

- บริษัทได้เห็นยอดสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง โดยตอนนี้คำสั่งซื้อคิดเป็น 2 เท่าของอัตราการผลิต

ข่าวดีพวกนี้ ทำให้ราคาหุ้นของ Tesla ตกลงประมาณ 15% ถ้าเราเผลอไปเข้าซื้อตอนนี้ เพราะข่าวเรื่องงบการเงินที่ออกมาดี ก็อาจจะทำให้ขาดทุนหนักได้

Trick : ข่าวร้ายให้ซื้อ ข่าวดีมาให้ขาย

2 แนวโน้มราคา (Trend)

แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) : มีวิธีดู คือ จุดสูงใหม่ (New High) และ จุดต่ำใหม่ (New Low) จะต้องอยู่สูงกว่าจุดสูงเและจุดต่ำที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น

แนวโน้มขาลง (Downtrend) : จุดสูงใหม่ (New Hogh) และจุดต่ำใหม่ (New Low) จะอยู่ต่ำกว่า จุดสูงและจุดต่ำที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น

แนวโน้มเป็นกลาง (Sideway) คือ แนวโน้มที่ยังไม่ชัดเจน แท่งกราฟแต่ละแท่งค่อนข้างคงที่

Trick : เริ่มต้น แนะนำให้ใช้ Time Fame Day ในการทดลองเทรด และเทรดหุ้นในช่วงที่มีแนวโน้มขาขึ้น มีโอกาสได้กำไรได้มากกว่า

3 ช่วงเวลา action ตามแนวโน้มหุ้น

* ช่วงที่ 1 ช่วงสะสม

คนที่เข้าซื้อหุ้นในช่วงนี้อาจจะมองเห็นว่า หุ้นตัวนี้ได้รับข่าวร้าย และราคาหุ้นก็ได้ซึมซับข่าวไปทั้งหมดแล้ว และไม่น่าจะมีประเด็นอะไรมาส่งผลต่อราคาที่ทำให้ราคาตกลงไปมากกว่านี้อีกแล้ว

Trick : ถ้าเห็นสัญญาณอะไรบางอย่างในทางเทคนิคก็อาจจะตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นในช่วงนี้ได้เช่นกัน

* ช่วงที่ 2 ช่วงเข้าซื้อ

ช่วงที่ราคาหุ้นมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นแบบชัดเจน จึงเหมาะกับการเข้าซื้อทันที

* ช่วงที่ 3 ช่วงปล่อยขาย

ช่วงที่ราคาหุ้นดีดขึ้นมาถึงขีดสุด เพราะนัดลงทุนแห่เข้ามาซื้อจนเยอะขึ้น (จากราคาที่สูงขึ้นจนน่าดึงดูด หรือบริษัทนมีข่าวดีออกมาเต็มไปหมด)

Trick : การเข้าซื้อหุ้นในช่วงนี้ก็มีความเสี่ยงมาก เพราะ ซื้อช้าเกินไปหุ้นตัวนั้นก็อาจจะเลิกเล่นไปแล้ว และจะทำให้เรา “ติดดอย” หรือขาดทุน

4 ทุกอย่างต้องสอดคล้องกัน

ความสอดคล้องจะวัดจาก 2 ส่วนด้วยกัน คือ

- ค่าเฉลี่ยตลาด (Index) หรือ ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม

- แนวโน้มราคาหุ้น ที่เราสนใจ

Ex. ถ้าเราเห็นว่า ดัชนี Nasdaq เป็นขาขึ้น และแนวโน้มหุ้น NVIDIA ก็เป็นขาขึ้น แสดงว่ามีโอกาสที่หุ้นจะเป็นขาขึ้นที่ชัดเจนและเติบโตได้เช่นกัน

5 ปริมาณ (Volume) ต้องสัมพันธ์กับแนวโน้ม (Trend)

ถ้าหุ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) แล้วปริมาณซื้อ (Buy Volume) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แปลว่า แนวโน้มและปริมาณสอดคล้องกัน สรุปได้ว่า “ราคาหุ้นขึ้นจริงๆ”

ถ้าหุ้นเป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend) แล้วปริมาณขาย(Sell Volume) เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แปลว่า แนวโน้มและปริมาณสอดคล้องกัน สรุปได้ว่า “ราคาหุ้นลงจริง” 

ถ้าหุ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) แล้วปริมาณซื้อ (Buy Volume) ลดลงเรื่อยๆ แปลว่า แนวโน้มและปริมาณไม่สอดคล้องกัน สรุปได้ว่า “ราคาหุ้นขึ้นไม่จริง” หรือพูดง่าย ๆ คือ “ขึ้นเพื่อลงต่อ”

ถ้าหุ้นเป็นแนวโน้มขาลง (Downtrend) แล้วปริมาณขาย (Sell Volume) ลดลงเรื่อยๆ แปลว่า แนวโน้มและปริมาณไม่สอดคล้องกัน สรุปได้ว่า “ราคาหุ้นไม่ได้ลงจริงๆ” หรือพูดง่าย ๆ คือ “ลงเพื่อขึ้นต่อ”

6 แนวโน้ม (Trend) จะเป็นไปแบบต่อเนื่อง จนกว่าจะมีสัญญาณเปลี่ยน Trend ที่ชัดเจน

สุดท้าย : เหตุผลที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจทฤษฎีดาว เพราะพวกเขาเชื่อว่า เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มีแนวโน้มจะเกิดซ้ำอีก ทำให้เกิดพฤติกรรมคาดการณ์แนวโน้มของตลาดคาดการณ์นั่นเอง

#ทฤษฎีดาว #Dowtheory #การลงทุน #หุ้น #หุ้นต่างประเทศ