ถึงไม่ใช่ “นักการตลาด” ก็ควรรู้จัก “Storytelling”

ตราบใดที่คนเรายังต้องสื่อสาร 🗣️ การเล่าให้รู้เรื่อง น่าสนใจ จึงสำคัญ “Storytelling” กลยุทธ์ที่ใช้ในการเล่าเรื่องโดยดึงความรู้และประสบการณ์ของผู้เล่ามาเชื่อมโยงกับเรื่องราวที่ผู้ฟังสัมผัสได้ เริ่มเล่าตั้งแต่ที่มาที่ไป ไล่เรียงไปยังเนื้อเรื่อง และเล่าต่อไปจนถึงจุดพลิกผันหรือไคลแม็กซ์ 📈 ปิดท้ายด้วยบทสรุป

📍ก่อนอื่นเราต้องวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายให้ออก อาจใช้ “ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์” มาเป็นตัวช่วย โดยวิเคราะห์ว่าเรื่องที่เราจะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายนั้น มันไปตอบสนองหรือตรงกับความต้องการระดับใดของเค้า เช่น ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ความมั่นคง/ปลอดภัย หรือความรัก/การยอมรับ เป็นต้น จากนั้นก็ออกแบบและเล่าเรื่องให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

💬 เราจะสื่อสารแบบไหน? ก็ให้ลองสมมติตัวเองเป็นผู้ฟัง ว่าไม่อยากฟังเรื่องราวจากผู้พูดที่เล่าเรื่องแบบใด 😵 แล้วก็อย่าทำแบบนั้น เช่น

🔘 ไม่ปูที่มา ที่ไปของเรื่อง

🔘 ไม่เข้าประเด็น

🔘 ไม่สบตา ไม่สื่อสารระหว่างกัน

🔘 ไม่มีข้อสรุป

แล้วถ้าเราต้องสื่อสาร เล่าเรื่องนั้นแบบวงกว้าง “Public Speaking” 🎤 ก็จะถูกนำมาใช้ โดยเป็นการสื่อสารที่ต้องบาลานซ์ทั้ง 1) เนื้อหา 2) น้ำเสียง/จังหวะ 3) บุคลิก และ 4) เวลา โดยคำนึงถึงกฎเมห์ราเบียน (7-38-55) ที่ว่า สิ่งที่สำคัญกว่าเนื้อหาของคำพูด 💬 ก็คือน้ำเสียง และสิ่งที่สำคัญกว่าข้อมูลที่ได้ยิน👂ก็คือข้อมูลจากการมองเห็น 👁️ ดังนั้น ขณะพูดรูปลักษณ์ภายนอกและภาษากายจึงสำคัญมาก คิดเป็น 7%, 38%, 55% ตามลำดับ

#Lemon8ฟอรั่ม #เคล็ดลับพัฒนาตัวเอง #พัฒนาตัวเอง #จิตวิทยาพัฒนาตนเอง #สุขภาพใจ #การสื่อสาร #การพูด #storytelling #เล่าเรื่อง #รีวิวชีวิตผู้ใหญ่