Téléchargeur vidéo Lemon8

Le moyen le plus simple de télécharger des vidéos et des galeries à partir de l'application Lemon8

เล่มที่ ๑๑๖ ฉบับที่ ๑๑๖ เดือนต | แกลเลอรีที่โพสต์โดย ขุนทอง โกเจริญ | Lemon8

เล่มที่ ๑๑๖ ฉบับที่ ๑๑๖ เดือนต | แกลเลอรีที่โพสต์โดย ขุนทอง โกเจริญ | Lemon8

Bureau : cliquez avec le bouton droit de la souris et sélectionnez "Enregistrer le lien sous..." pour télécharger.

PHOTOS
เล่มที่ ๑๑๖ ฉบับที่ ๑๑๖ เดือนต | แกลเลอรีที่โพสต์โดย ขุนทอง โกเจริญ | Lemon8 JPEG Télécharger

เล่มที่ ๑๑๖ ฉบับที่ ๑๑๖ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

เดือนตุลาคม ๒๕๔๖

ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

ถาม: …......................?

ตอบ : แบบเดียวกับต๋อง ศิษย์ฉ่อย ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเป็นมืออันดับสามของโลก มีทีท่าว่าจะขึ้นมือหนึ่งได้ รูดหายออกทะเลไปเลย เพราะว่าช่วงนั้นหลวงพ่อคูณดังมาก นักมวยเอย นักการเมืองเอย ไปให้หลวงพ่อคูณเขกกะโหลกกันทั้งนั้น เพื่อน ๆ ก็ชวนต๋องกันสิ ตอนนั้นมีต่าย พิจิตร หนู ดาวดึงส์ เขาชวนกันให้ต๋องไปกราบหลวงพ่อคูณขอพร จะได้แข่งแล้วชนะได้แชมป์ดลก เจ้าต๋องประเภทไม่เชื่อ แต่เสือกลบหลู่ บอกชนะไม่ชนะ ได้แชมป์ไม่ได้แชมป์อยู่ที่ฝีมือของฉัน ไม่ได้อยู่ที่หลวงพ่อคูณ ตั้งแต่นั้นมารูดออกทะเลหายจ้อไปเลยนะ แล้วปีนั้นเจ้าต่ายไปแข่งได้แชมป์เอเชียมา ส่วนหนูได้แชมป์เยาวชนโลก คุณต๋องอยู่อันดับสามของโลก มีสิทธิ์ที่จะทำเงินได้ตั้งหลายสิบล้านรูดออกทะเลหายไปเลย เสร็จแล้วก็มาเมื่อเดือนก่อนนี้ ไปกราบหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อคูณบอก “เออ...กูไม่ถือสาอะไรมึงหรอก ขอให้เจริญ ๆ เถอะ” ไปคว้าแชมป์ที่ฮ่องกงมาแล้ว

เรื่องนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ซวยไม่รู้ตัว เหลือเชื่อจริง ๆ ในสายตาของเรา แต่ลองคิดดูคนตกต่ำมาขนาดนั้นน่ะ เพื่อนฝูงก้าวหน้าไปยันไหนแล้วก็ไม่รู้ ตัวเองรูดออกทะเลหายไปเฉยเลย พอถึงเวลาไปขอขมาปุ๊บ กลับคืนขึ้นมาอีก แล้วเห็นทันตาเสียด้วย แต่ละคนที่เขาชนะที่ฮ่องกงมา คือล้วนแต่ยำเขามาแล้วทั้งนั้น จริง ๆ พระอย่างหลวงพ่อคูณท่านไม่ได้ไปถือสาหาความกับคุณต๋องเขาหรอก แต่กรรมที่ไปล่วงเกินพระสุปฏิปันโนต่างหากแหละที่เล่นเอา แค่คิดก็เป็นมโนกรรม ถ้าพูดก็เป็นวจีกรรม ถ้าทำก็เป็นกายกรรม คิดอย่างเดียวก็เป็นโทษแล้ว จะมีประโยชน์อะไร จะไปท้าทายหรือลองดี หลวงพ่อท่านถึงได้บอกนักบอกหนา อย่าอวดดีกับผี

ถาม : ช่วงที่เราละสัญญา ช่วงช่องว่างทำให้เรารู้จังหวะเป็นอย่างไร ?

ตอบ : ใช่ เราต้องซ้อมความคล่องไปเรื่อย ๆ พอถึงเวลาปั๊บไปปุ๊บ เราก็อ๋อใช่เลย แต่คราวนี้นิสัยพวกเราต้องรู้ให้ครบ ไม่อย่างนั้นไม่ยอม ประเภทขึ้น ๆ ลง ๆ นับขั้นบันไดอยู่นั่้นแหละ

ถาม : ถ้าอยู่ในลักษณะต้องกิจการงานอะไรต่าง ๆ นี่ ต้องตีคู่กันไปหมด ?

ตอบ : ถ้าคล่องมาก ๆ แล้ว แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งไปจับอารมณ์นั้นได้ เราเอาแบบนี้ นั่งคุย ๆ กันอยู่ หนึ่งวินาที สองวินาทีก็เอา ใช้วิธีสะสมไปเรื่อย ๆ

ถาม : เวลาเราสงสัย เรานึกถามก็เป็นหลวงพี่ตอบ บางครั้งหนูอยากโทรไปถามว่าตอบจริง ๆ หรือเปล่า ?

ตอบ : คราวหน้าถามที่พิสูจน์ได้เลย ถามซักเที่ยง ๆ ของวันที่ ๑๖ อะไรอย่างนี้ อีกแป๊บก็รู้ผลแล้ว

ถาม : เป็นอย่างนี้มาตลอดเลย เอ๊ะ...อย่างนี้เราจะไปถามใคาร พอถามหลวงพี่ก็ตอบ ตอบจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่พอเข้าใจก็ไปได้

ตอบ : ตัวนี้สำคัญที่สุด เพราะว่าแม้กระทั่งพระพุทธเจ้าท่านย้ังบอกเลยว่า “อย่าพึงเชื่อว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา อย่าเชื่อเพราะว่าเล่าสืบ ๆ กันมา อย่าเชื่อเพราะว่ามีว่าไว้ในตำรา อย่าเชื่อเพราะตรองแล้วเข้ากับทิฏฐิของตน” อะไรอย่างนี้ ของเรา ๆ ระวังเอาไว้อย่างนี้ จะได้ปลอดภัย

ถาม : พอฟังแล้วมาพิจารณากับสิ่งที่เราตั้งและสิ่งที่เราตอบ ถ้าจูนแล้วก็เข้าใจ

ตอบ : ระวังโอเคแบบผิด ๆ ล่ะ ที่ถูกน่ะไม่ห่วงหรอก บางครั้งเขาหลอกเรานี่ เหตุผลสร้างมาเองทั้่งหมดเลย แล้วลงตัวแป๊ะ ตอนที่เราอยูก้นหลุมไม่รู้ตัวแล้ว เพราะฉะนั้น...ต้องระวังมาก ๆ จ้ะ ประมาทไม่ได้หรอก การปฏิบัติอันดับแรก เอาตัวให้รอด ถ้าตัวเรารอดได้เมื่อไรช่วยคนอื่นได้เต็มที่ ถ้าตัวเองยังไม่รอดแล้วไปปล้ำผีลุกปลุกผีนั่่งคนอื่น โบราณเขาว่าเตี้ยอุ้มค่อม เตี้ยก็น่าเกลียดแล้วยังไปอุ้มค่อมเข้าไปอีก เดี๋ยวก็ไปถ่วงกันเซกันไปมาล้มจนได้แหละ

ถาม : ทำอย่างไรให้ใจถึงครับ ?

ตอบ : เกิดใหม่อีกหลาย ๆ ชาติ บารมีเข้มขึ้นใจก็กล้าขึ้น เมื่อครู่พูดถึงเวสารัชชกรณธรรม กรรมที่ทำให้กล้า จะประกอบไปด้วย ศรัทธา เป็นผู้มีศีลเป็นปกติ พาหุสัจจะ เป็นผู้ที่ฟังมาก จำได้มาก ศึกษามาก วิริยะ มีความเพียร สติ มีความตั้งมั่นของใจ ปัญญา มีความรู้รอบ พวกนี้จะทำให้กล้า

คราวนี้ตัวศรัทธาที่เมื่อครู่ว่าไว้สะดุดคาอยู่ ศรัทธาคือความเชื่อ ประกอบไปด้วย ๑. เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย พอเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยก็องอาจกล้าหาญไม่มีความเกรงกลัวในสิ่งอื่น ๆ ๒. เชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างที่เมื่อครู่ยกตัวอย่างอันนี้คือถึงจะเป็นเขี้ยวหมู งาช้างนอแรดที่พระท่านหลุดพ้นแล้วมองว่าเป็นของสัตว์เดรัจฉานทั้งนั้น แต่กำลังใจของคนไปยึดตรงนั้น ศรัทธาตรงนั้น เชื่อตรงนั้น ทำให้เกิดความกล้าขึ้นมา ๓. เชื่อมั่นนในผู้นำ ผู้นำคนนี้เก่งจริง ๆ แน่ ๆ พาเราไปรอดได้แน่ ๆ อย่างนี้ ไปทางไหนก็แห่ตามเป็นพรวน อันสุดท้ายสำคัญที่สุด ๔. เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเองเกิดจากาารสั่งสม ค่อย ๆ ทำมาเรื่อย ๆ พอถูกเข้าเรื่อย ๆ ความมั่นใจปรากฎเข้ามาเรื่อย มั่นใจมากขึ้น ๆ กลายเป็นเชื่อมั่นในตัวเอง แต่เชื่อมั่นในตัวเองต้องเป็นคนมีปัญญาอยู่หน่อย ต้องรู้จักไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอ ๆ ไม่อย่างนั้นเชื่อในทางที่ผิด ตะแบงข้างไปก็เอา

ถาม : เวลาที่เราละสัญญา พอเราละสัญญา ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าคลายตัว อันนี้เกิดจากอะไรคะ ?

ตอบ : สภาพจิตไม่ได้ต้องการพวกนั้นหรอก ถ้าเข้าถึงความผ่องใสจริง ๆ จะคลายการยึดเกาะ ผู้หญิง ผู้ชาย โต๊ะ เก้าอี้ พรม กระเป๋า อะไรก็ตามเหมือนกันหมด มองไปถึง เออ...ก็อย่างนั้นแหละ สักแต่ว่าเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง

ถาม : เรามีความรู้สึกว่าวันนี้เราขายไม่ได้ แต่พอเราละสัญญาปุ๊บ ขายหมดเลย หนูมีความรู้สึกว่า อ๋อ...เวลาเราไปขายของก็นั่งปลงไปตลอด ?

ตอบ : เรื่องของธรรมะนี่แปลก ถ้าอยากจะไม่ได้ จะมาตอนหมดอยาก

ถาม : หนูต้องไปตลาดตอนตีสองเพื่อให้ทันลูกค้า สุดท้ายตอนนี้หนูออกตลาดตีห้าหมด ?

ตอบ : เรื่องของมัน ขายได้ขายไม่ได้ก็ช่าง ข้าก็นั่งทำความดีของข้าไป

ถาม : จนแฟนถามว่า “ไปทำอะไรวะ ?”

ตอบ : บอกเขาไม่มีอะไรหรอก เล่นของ จำไว้เลยนะ ถ้าอยากจะไม่ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องของการขายของ เรื่องการปฏิบัตินี่แหละ ถ้าอยากจะไม่ได้ เพราะตัวอยากคือฟุ้งซ่าน เป็นอุทธัจจะ เป็นตัณหา การปฏิบัติทุกขั้นตอนต้องมีอุเบกขา อุเบกขาคือลักษณะช่างหัวแม่มัน ขายได้ขายไม่ได้ก็เหอะ อารมณ์นี้โผล่มาเมื่อไรล่ะก็พรึบหายแน่เลย

ถาม : ตั้งใจนัดมาบ่ายสอง โอ้โฮ...พอถึงเวลาขึ้นมา ไอ้โน่นไอ้นี่แวะไปตรงโน้นตรงนี้ก่อน เพราะมีคนรออยู่ที่้บ้าน ผลสุดท้ายช่างมัน รอ แต่รถไม่ติดเลย

ตอบ : นั่นแหละ จับจดนี้ให้ได้ จับจุดปล่อยวางตรงนี้ ถ้าจับจุดนี้ได้ การปฏิบัติทุกระดับใช้กำลังใจนี้หมด ไม่ว่าจะฌาน ๑ ฌาน ๒ ฌาน ๓ ฌาน ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ระดับเดียวกันหมด

ถาม : เติ้งเขาสงสัยเรื่องฌาน ๑ หนูบอกหนูตอบไม่เป็น ?

ตอบ : อ้าว...แล้วมันสงสัยตรงไหน ? เอาอย่างนี้นะ ถ้าคุณสามารถกำหนดคำภาวนาพร้อมลมหายใจเข้าออก ท้องอกจมูกได้ นั่นแหละปฐมฌานแล้ว เพียงแต่คุณรักษาไว้ได้ไหมแค่นั้นแหละ ฟังดูง่ายไหม อาตมากล้ายืนยันว่าใช่ หัวเด็ดตีนขาดก็ใช่ ใครทำถึงจะรู้ว่าใช่ จะไม่ใช่ได้อย่างไร ตูคลำมาตั้งสามปีเต็ม ๆ ตอนที่โง่เลยคลำนานหน่อย เพราะตอนนั้นปล่อยตัวอุเบกขาอย่างนี้ไม่เป็น ทำทีไรก็อยากได้ ไปไล่อารมณ์ตามขั้นตอน เออ...นี่วิตกนะ เรานึกอยู่จะภาวนา นี่วิจารณ์นะ ตอนี้เราภาวนาอย่างไร ลมหายใจเข้าอ่างไร แรงอย่างไร เบาอย่างไร สั้นอย่างไรก็รู้หมด ตอนนนี้ปีตินะ เฮ้ย...ขนลุกซ๋า ๆ หน่อยแล้วโว้ย เอ้ย...ชักจะดีแล้ว ไปจี้ขั้นตอนมากเกินไปไม่เป็นสุขเอกัคคตารมณ์ซะที วันหนึ่งก็แล้ว เดือนหนึ่งก็แล้ว ปีหนึ่งก็แล้ว สองปีก็แล้วไม่ได้สักที คราวนี้พอสามปีเซ็งแล้ว วันั้นได้ไม่ได้ช่างหัวมัน เรามีหน้าที่ทำ แป๊บเดียวได้เลย เห็นไหม ? มาตอนหมดอยาก อุเบกขาเกิดแล้วเป็นอย่างไร ตัวนี้แหละหาให้เจอทุกขั้นตอนการปฏิบัติ จะต้องประกอบไปด้วยอุเบกขาทั้งนั้น

ถาม : ตอนที่มาหาหลวงพี่ใหม่ ๆ หลวงพี่บอกว่า “เอาล่ะ วันนี้ฉันยอมเป็นกระโถน เธอมีอะไรเธอก็พูดมา” ตอนนั้นเข้าใจแต่ไม่รู้จัก แต่ตอนนี้พอไปละสัญญาแล้วสบาย มีความรู้สึกว่านั่งเฉย ๆ ?

ตอบ : อย่าเพิ่งเชื่่อว่าใช่จ้ะ ปัจจุบันคือตอนนี้และเดี๋ยวนี้ ใช่แค่ตรงนี้ ดีแค่ตรงนี้ ถูกแค่ตรงนี้ พอเราก้าวพ้นไปแล้วเราจะเห็น อ๋อ...ที่แท้ตรงนี้ยังไม่ใช่ แล้วจะยึดว่าใช่ตรงนี้ ดีตรงนี้ ถูกตรงนี้อีก ยังไม่ใช่อีกนั่นแหละ ระวังไว้จะกลายเป็นทิฎฐิ คือความเห็นของตน การรู้เห็นการปฏิบัติของตนไปปนกับธรรมะของพระพุทธเจ้า คิดว่าของพระพุทธเจ้าท่านก็แค่นี้ เดี๋ยวบรรลัยเลย เราแค่หิ่งห้อยจะไปบอกพระอาทิตย์แค่นี้ไปไม่รอดหรอก ระวังตัวให้มาก ๆ ไว้

อาตมาสมัยฝึกใหม่ ๆ ตำราเปื่อยเป็นเล่ม ๆ เลย ทุกวันนี้สวดมนต์หรืออ่านหนังสือหรืออะไรก็ตาม บอกเขาได้ทุกหน้ราเลย เขาก็สงสัย บอกคุณเชื่อไหมว่าผมอ่านวันละบทเพื่อโยงใจให้เป็นสมาธิ จะได้ภาวนาทรงตัวได้เร็ว พอจบก็ขึ้นใหม่ คนเปิดจนเปื่อยทำไมจะจำหน้าไม่ได้ วันนั้นท่านกอล์ฟเอาหนังสือรวมธรรมะหลวงพ่อเล่ม ๑๖ หนาตั้งแค่นี้มา “หลวงพี่ครับ นี่เขาทำใหม่หน้าปกเป็นปกแข็งด้วย น่าเก็บนะครับ” บอกเขาว่า “คุณเปิดหน้านั้น ย่อหน้าบรรทัดที่เท่านั้นดูซิ ของที่คุณกต้องการมีอยู่” ตากอล์ฟเขาเปิด ๆ พอถึง “เอ้ย...นึกว่าไม่จริง มีจริง ๆ หรือ อะไรกันหนังสือเพิ่งออกไม่นาน” บอกว่า “อ่านเปื่อยไปแล้ว อ่านจนจำหน้าจำบรรทัดได้แล้ว” ตำราไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ แผนที่เดินทางของเรา แต่แผนที่นี่อย่าลืมว่าแสดงได้แค่ภูมิประเทศคร่าว ๆ เท่านั้น ไม่ใช่ของจิรงหรอก แหม...ขีดเส้นเลยเส้นประมาถึงก็มีดาวอยู่ตรงนี้ กากบาทอยู่ตรงนี้ ไปเดินจริง ๆ ทางไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ทางไปทางนั้นแหละ อย่างน้อย ๆ ทำไม่ให้หลงทาง

ถาม : (ฟังไม่ชัด)

ตอบ : อันนั้นต้องพยายามกำหนดพิกัดตัวเองให้ได้ ถ้าหากว่าเป็นของทหาร เขาสอนวิธีสกัดกลับ อันนั้นเอาไปศึกษาแผนที่ทหารของอาตมารุ่นที่เรียนอยู่นี่ได้ที่หนึ่ง สรุปแล้วอาจารย์สอนเขาบอกมึงรู้เรื่องอยู่คนเดียว แล้วด่าเพื่อนจมดินไปเลย “ไอ้ห่า...ถึงเวลามึงจะทำอย่างไรวะ ?” “ผมก็ไปกับเล็กซิครับ” มันกะว่า ๑๒๓ คน จบจากสถาบันจะไปอยู่หลุมเดียวกัน แหม...ผมก็ไปกับเล็กซิครับ เขาขาดพื้นฐานเพราะแผนที่ระวางหนึ่งต่อห้าหมื่น ตารางหนึ่งช่องเท่ากับหนึ่งตารางกิโลเมตร ๖๒๕ ไร่นะ แล้วกำหนดเป็นตัวเลขสี่ตัวเพื่ออ่านพิกัด จะเป็นแนวตั้งสองแนวนอนนสอง ถ้าเราต้องการความละเอียด เราต้องซอยไปอีกสิบเท่า จะเป็นตั้งสิบนอนสิบเป็นร้อยช่อง ช่องกระจึ๋งช่องเดียวนั่นแหละ ประมาณเซ็นต์หนึ่ง ถ้าซอยเป็นร้อยช่องแล้วจะได้ตัวเลขขึั้นมาอีกเส้นหนึ่งก็สองตัว จะกลายเป็นเลขแปดหลัก ตอนั้นจะบอกพิกัดคือจุดที่ตั้่้งได้ละเอียดขึ้น แค่หลับตานึกอีกร้อยช่องนึกกันไม่ออก ในเมื่อนึกไม่ออกก็ไปไม่เป็น พูดแค่นี้เรานึกออกใช่ไหม แต่มันนึกกันไม่ออกจริง ๆ เข็นแค่ไหนก็เข็นไม่ไป จนกระทั่งครูฝึกบางครั้งโมโห “ไอ้ห่า... พวกมึงดีกว่าพลทหารหน่อยเดียว” ดีกว่าตรงไหนพลทหารบางครั้งไม่รู้ว่าอันไหนมือซ้าย อันไหนมือขวา เขาต้องเอาเชือกผูกมือหนึ่งแล้วให้ถือหญ้าไว้มือหนึ่ง อันนี้เชือกฟาก อันนี้หญ้า อ้าว...หญ้าหันขวา ฟางหันซ้าย คนอื่นเขาซ้ายหันขวาหัน นั่นต้องหญ้าหันฟางหัน โดนเจ้านายด่านี่แสบถึงกึ๋น ดีกว่าพลทหารหน่อยเดียว...!

ถาม : (ฟังไม่ชัด)

ตอบ : สงครามมหาเอเชียบูรพา เรารบกับทหารฝรั่งเศสหทารโมร็อคโคนี่ ตอนนั้นรู้สึกจะเป็นพันเอกหลวงพรหมโยธี เป็นแม่ทัพอยู่ ลักษณะนี้แหละ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านพาลูกน้องไป พอไปถึงปราฏว่าแทนที่จะไปตามทางหลัก ไม่หรอก พาลูกน้อยลุยเข้าทางแยกไปเฉยเลย พอไปถึงที่หนึ่งลักษณะเป็นลานโล่งอยู่กลางป่า มีแต่หญ้าต้นไม้ใหญ่ไม่ค่อยมี ก็ให้ลูกน้องเข้าที่ซุ่มนะ วางกำลังเป็นรูปตัวแอล แล้วให้ปืนกลอยู่ปีกซ้ายขวา บอกกับลูกน้องว่า “ถ้ากูยิงปืนเป็นสัญญาณ มึงก็ใส่ได้เลย” ซุ่มอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถจีเอ็มซีทหารวิ่งมา ๖ คัน ทหารฝรั่งเศสล้วน ๆ เลย มาถึงจอดพรวดกลางป่าสบายใจ กระโดลงมาบิดขี้เกียจกันนะ อาวุธก็ทิ้งคาอยู่บนรถนั่นแหละ ท่านก็ยิงปืนเป็นสัญญาณ ปรากฏว่าปืนกลดังอยู่กระบอกเดียว อีกกระบอกหนึ่งไม่ดัง ก็สงสัยวิ่งไปดูลูกน้อง ลูกน้องสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ทำอะไรไม่ถูก ท่านต้องถีบลูกน้องออกแล้วยิงแทนน่ะ บอก “ไม่ต้องอะไรเลย กราดไปที่รถอย่างเดียว” ไอ้พวกนี้จะวิ่งไปเอาอาวุธที่รถมา ท่านบอกงานเดียวล่อทั้งฝรั่งเศส โมร็อคโคไปเกือบสองร้อยศพ พอรายงานขึ้นไป แม่ทัพไม่ยอมเชื่อ แล้วก็ไม่ทราบว่าท่านอะไรที่เป็นรองแม่ทัพอยู่ ถึงขนาดด่าพ่อล่อแม่กันอยู่ในกองบัญชาการ “ลูกน้องรายงานมา มึงก็ส่งกำลังไปพิสูจน์ทราบซิวะ ไม่ใช่มาถึงบอกไม่เชื่อ ๆ อย่างเดียว คิดหรือว่าคนขนาดนั้นกล้าโกหกมึงน่ะ” เล่นกันแบบนั้น นั่นท่านเก่งจริง ๆ นะยอมรับ

ที่ลูกน้องท่านเก่งเพราะว่าไปในป่าอะไรอย่างนี้ เรื่องจะอดน้ำอดข้าวไม่มี ท่านหาให้ได้ แล้วในเรื่องอันตรายไม่มี แบบว่ารู้ก่อนล่วงหน้า ลักษณะอย่างนี้ภาษานักปฏิบัติเขาเรียกมีทิพจักขุญาณ ท่านคงพิสูจน์จนมั่นใจของท่านแล้ว ถ้าหากว่าความรู้สึกอย่างนี้ขึ้นมา ภาพอย่างนี้ขึ้นมาต้องใช่แน่ เพราะท่านมั่นใจ ท่านเชื่อความรู้สึกอย่างนั้น ท่านก็ใช้วิธีนั้น ถึงเวลาสั่งวางกำลังลุยกันเข้าไปเลย

ถาม : ของศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ ?

ตอบ : เขามีพลังงานอยู่แล้ว แต่ใจเราเปิดรับเท่าไร นั่นน่ะใจเต็มที่ เพราะเขาใช้แล้วได้ผล ถึงได้บอกพวกของขลังของศักดิ์สิทธิ์มีจริง ๆ แต่สำคัญที่สุดคือตรงใจ พระพุทธเจ้าท่านถึงได้ตรัส “เวสารัชกรณธรรม” การกระทำที่ทำให้คนเป็นคนกล้า ข้อแรกคือศรัทธา คือความเชื่อ เชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อมั่นในผู้นำ เชื่อมั่นในตนเอง ๔ อย่างนี้ ถ้าหากว่ามีความเชื่อจะทำให้คนเป็นคนกล้า ถ้าเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดถือกันมาประจำตระกูลของเรา ว่าขลังแน่ ดีแน่ นี่กำลังใจมี ก็กล้าก็มั่นใจ อย่างที่ใครเขาว่า อมพระแล้วพระหล่น คว้าลูกเขียดมาอมยังชนะศัตรูเลย