从 Lemon8 应用程序下载视频和图库的最简单方法
桌面:右键单击并选择“将链接另存为...”进行下载。
PHOTOS | |||
JPEG | 下载 |
เล่มที่ ๑๙๑ ฉบับที่ ๑๙๑ เดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๓-หน้า-01
เก็บตกบ้านวิริยบารมี เดือนมกราคม ๒๕๕๕
“คนที่กลัวตาย เขาก็กลัวเสียจริง ๆ อาตมาถึงได้เคยบอกว่า ถ้าไม่กลัวตายเสียอย่างเดียว ก็ไม่กลัวไปทุกอย่าง
กลัวความสูง ตกลงไปแล้วเป็นอย่างไร...ตาย
กลัวที่แคบ ติดอยู่นาน ๆ เป็นอย่างไร ..ตาย
กลัวผี เดี๋ยวผีมาหักคอ หักคอแล้วเป็นอย่างไร...ตาย
อาตมาตามดูคำว่ากลัวอยู่เป็นปี ๆ กลัวอะไร ท้ายสุดก็เจอ อ๋อ...กลัวตาย
กลัวงู งูกัดแล้วเป็นอย่างไร...ตาย กลัวเสือ เสือกัดเป็นอย่างไร...ตาย
ไม่เหลือจริง ๆ มาสรุปลงตรงตายหมดเลย
บางอย่างที่เหมือนกับไม่มีเหตุไม่มีผล อย่างกลัวจิ้งจก จิ้งจกกระโดดเกาะ ขยะแขยงสุด ๆ อาจถึงกับช็อกตาย สรุปแล้วลงตรงตายอยู่ดี ดูแล้วไม่มีอะไรหนีคำว่าตายพ้นเลย
ไปนั่งในป่าช้า รอผีมาหักคอ ดูซิว่าจะตายจริงไหม ?
ผีก็ขี้เล่นเหลือเกิน ประเภทเอามือเย็นเจี๊ยบมาบีบคอ พอเราว่าพุทโธ ผีก็คลายมือ แต่จับคาเอาไว้ พอเราเลิกพุทโธ ผีก็บีบต่อ พอเราพุทโธ ผีก็ปล่อยมือ ไม่ยอมไปไหนนะ เอามือคาไว้อย่างนั้น มือก็เย็นเจี๊ยบเลย
ฟัดกันทั้งคืนจนกระทั่งเช้า บอกว่า “เฮ้ย...พอก่อน...จะไปบิณฑบาต” ผีก็ไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเจอกันใหม่ เป็นผีที่ว่าง่ายมาก”
*************************
“ช่วงนี้ออกพุทธาภิเษกหลายงานติด ๆ กัน ตั้งแต่พุทธาภิเษกวัตถุมงคล สำหรับแจกในงานปิดทองฝังลูกนิมิต ของวัดหนองม่วง
แล้วมานั่งปรกอธิษฐานจิต เพื่อหล่อพระประธาน วัดดอนชะเอม
และงานเมื่อวาน พุทธาภิเษกที่สนามหลวง
ส่วนเดือนนี้ต้องทิ้งงานเพื่อนฝูงหลายงาน งานครูบาอริยชาติวันที่ ๙ ไปไม่ได้
งานพระราชทานเพลิงหลวงปู่ครูบาผัด ก็ไปไม่ได้เพราะว่านั่งรับสังฆทานอยู่ตรงนี้
ส่วนงานสืบชะตาของหลวงพี่เอก ก็ไปไม่ได้ เพราะอาตมาต้องรับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ
ไม่เอาพัดยศเขาไม่ว่าหรอก แต่จะโดนข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ...!
เรื่องของยศตำแหน่ง เราจะไม่ใส่ใจอย่างไรก็ได้ แต่พระราชทานมาแล้วต้องรับ รับแล้วคุณจะไปหมกไว้ก้นตู้ก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้าไม่รับ เขาถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซวยไม่รู้จบจริง ๆ
ไม่ใช่เราสันโดษแล้วไม่รับ แม้แต่พระพุทธเจ้ายังตรัสว่า
อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชานํ อนุวตฺติตุง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราให้คล้อยตามพระราชา
คำว่าพระราชา รวมความว่ากฎหมายด้วย เพราะสมัยก่อนพระบรมราชโองกาก็คือกฎหมาย ไม่ใช่ว่าเราเป็นพระแล้วก็จะทำอะไรตามใจได้”
*************************
“ดูรูปของอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต แล้ว รู้สึกเหมือนกับว่าเวลาของอาจารย์เดินช้ากว่าคนอื่น อาจารย์จะทำอะไรในลักษณะใจเย็นสุด ๆ จนกระทั่งอาตมาสงสัยว่า เวลาของท่านเดินช้ากว่าเราหรืออย่างไร
รูปหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค กับรูปหลวงพ่อวัดท่าซุง ตอนสมัยอายุยังไม่มาก อาจารย์จักรพันธุ์เป็นคนวาดทั้งคู่ ที่เราเห็นว่าทำไมดูมีชีวิตชีวาเหมือนอย่างกับภาพถ่าย นั่นฝีมืออาจารย์จักรพันธุ์วาด
แต่ที่ตลกกว่านั้นก็คือ แม่ของอาจารย์จักรพันธุ์ในตอนนั้น พอเห็นรูปหลวพ่อวัดท่าซุงก็ว่า “อ้าว..พระองค์นี้ยังอยู่อีกหรือ ?”
อาจารย์จักรพันธ์ุถาม “ทำไมหรือครับแม่ ?”
แม่ตอบว่า “ส่วนใหญ่พระที่พูดเพระา ๆ แบบนี้ สาวเอาไปกินหมด...!”
สมัยหนุ่ม ๆ หลวงพ่อเป็นพระนักเทศน์มีชื่อเสียง พูดจาไพเราะกับญาติโยม แสดงว่าโยมแม่เขาเคยเจอหลวงพ่อตอนที่อยู่วัดช่างเหล็ก หรือไม่ก็ตอนที่อยู่วัดประยูรฯ”
*************************
พระอาจารย์พูดถึงหนังสือปกิณกธรรมเล่ม ๒ ว่า
“มีคนให้ความเห็นมาว่า ทำไมเอาแต่ดอกบัวบาน ๆ มาเป็นปกแสดงว่าอาตมาชอบคนแก่ใช่ไหม ?
เขาว่าซะเสียหายหลายแสน แต่ความจริงคนแก่คุยกันรู้เรื่องมากกว่านะ
สมัยก่อนเวลาอาตมาไปบ้านสาว ก็จะไปคุยกับพ่อกับแม่เขา คุยไปคุยมาจนพ่อแม่เขาทนไม่ได้ “ถามจริง ๆ เถอะ นี่มาหาใครกันแน่ ?”
อาตมาก็บอกว่า ตั้งใจจะมาคุยกับคนแก่ เพราะว่าคนแก่ประสบการณ์เยอะ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปค้นคว้าเอง เขาก็แปลกใจ...เป็นเพื่อนกับลูกสาว แต่มาตั้งหน้าตั้งตาคุยกับพ่อกับแม่ ไม่ไปหาลูกสาวเลย”
*************************
ถาม : (ไม่ได้ยิน) ?
ตอบ : ได้…แต่เบื่อไม่จริง เอาแค่พระที่วัดท่าขนุนก็แล้วกัน
“อาจารย์ครับ ...ผมขอลาไปอยู่ที่โน่น”
“อาจารย์ครับ...ผมขอลาไปอยู่ที่นี่”
“ผมชอบอยู่เงียบ ๆ”
ไปอยู่ได้ ๓ วัน เผ่นอออกมาเลย เพราะว่าเงียบเกินไป แสดงว่าชอบไม่จริง
พออยู่ในที่ที่ไม่ได้พูด ไม่ได้คุยกับชาวบ้านชาวเมืองก็อยู่ไม่ได้ แสดงว่าโดนกิเลสหลอก เพราะว่านักปฏิบัติถ้าทำถึงจริง ๆ ที่ไหนก็อยู่ได้
ลองดู หลวงปู่เจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทราวาส สิ ใคร ๆ ก็เรียกท่านว่าพระป่ากลางกรุง ที่เรียกท่านว่าพระป่ากลางกรุง เพราะว่าท่านทำวัดเหมือนกับป่า ไม่ค่อยปฏิสันถารกับใครหรอก
ถึงเวลาออกมาสวดมนต์ทำวัตร หมดธุระก็กลับกุฏิ ญาติโยมถ้าเอาอาหารมาส่ง ก็วางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวศิษย์วัดเอามาประเคนเอง
ถ้าญาติอยากรู้ข่าวคราว ก็โผล่หน้ามาทางหน้าต่าง โบกมือให้เห็นว่ายังไม่ตาย กลับไปได้แล้ว
นึกถึงท่านแล้ว สุดยอดมนุษย์จริง ๆ อยู่ท่ามกลางเมืองหลวง แต่ปฏิบัติตนจนเป็นพระสุปฏิปันโน ที่คนเขาเคารพนับถือทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะฉะนั้นจริง ๆ ก็คือว่า ที่ไหนก็ได้ ขอให้ทำจริงเท่านั้น
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : เอาอย่างนั้นเลยหรือ ?
อึดอัดใจเมื่อไร ก็แปลว่าเกิดปฏิฆะหรือแรงกระทบอยู่แล้ว
ในเมื่อยังรับแรงกระทบมา ก็แปลว่าการปฏิบัติของเรายังไม่ได้ผลจริง
*************************
“ปลายเดือนนี้มีงานเป่ายันต์เกราะเพชร ปีนี้มีเสาร์ห้า ๓ ครั้ง อาตมาโดนสั่งให้เป่ายันต์ทั้ง ๓ ครั้ง รู้สึกปลื้มปีติกับสถานการณ์ประเทศชาติมาก โดยเฉพาะช่วงเดือน ๕ เดือน ๖ ของไทย ไม่ใช่เดือน ๕ เดือน ๖ ฝรั่งนะ บ้านเมืองเรายุ่งเป็นยุงตีกันเลย
คำว่า “ยุ่งเป็นยุงตีกัน” บางคนอาจจะไม่เคยเห็นยุงตีกันเป็นอย่างไร แต่อาตมาเคยเห็นมาแล้วไม่รู้อันไหนปีก อันไหนเขา มั่วไปหมดกลิ้งเป็นก้อนอยู่กับพื้น ทะเลาะกันได้ขนาดนั้นนะ ทั้ง ๆ ที่ยุงตัวนิดเดียว รัก โลภ โกรธ หลง ยังเต็มหัวพอ ๆ กับคนเราเลย
ส่วนนกเอี้ยงตีกัน ชอบลุยกันเป็นฝูง ลงไปกลิ้งขนกระจายอยู๋บนพื้น ตีกัน ๓ - ๔ คู่ ฟัดกันกลม
ดู ๆ แล้วไม่ว่าจะคนหรือสัตว์พวกไหนก็ตาม ถ้าหากว่ายังไม่สามารถเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า เรื่องจะไประงับ รัก โลภ โกรธ หลง นี่ไม่ต้องไปหวังเลย
อย่างนกเอี้ยงตีกันเสียงเอะอะเอ็ดตะโร แล้ววันร้ายคืนร้าย ถ้าเสียงดังเรียกความสนใจ ก็อาจจะมีแมวมาเป็ฯกรรมการ แล้วความซวยก็จะเกิดขึ้น บางทีนกก็เสร็จแมวทั้งคู่ เพราะว่ามัวแต่ตีกันเพลินจนลืมสังเกตอันตราย”
*************************
“หลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ท่านทำปลาตะเพียนเงินปลาตะเพียนทอง ปลุกด้วยคาถา จะภะกะสะ
เอาใส่กาละมัง พายเรือไปเทไว้กลางแม่น้ำ แล้วก็มานั่งเรียกบนฝั่งปลาตะเพียนทำด้วยโลหะแท้ ๆ ถึงเวลาว่ายน้ำมาเข้ากาละมังได้”
*************************
“วันก่อนมีฝรั่ง ๒ คน เขามาถามหาสังขารหลวงปู่สายว่าอยู่ที่ไหน ดันมาเจอเจ้าอาวาสเข้าพอดี ก็เลยพาไปที่กุฏิหลวงปู่สาย
ตรงนี้ทำให้เห็นจุดอ่อนว่า พระของเราแม้จะเก่งภาษาอังกฤษหลายรูป แต่ไม่ถนัดในการปฏิสันถารกับญาติโยม จะเป็นเพราะท่านรักสงบสันโดษหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ?
ถ้าสมมติว่าคนเข้ามาในบ้าน เราก็ควรถามเขาว่ามาธุระอะไร ? ใช่ไหม ? การปฏิสันถารต้อนรบสมควรต้องมี แต่นี่เปล่าเลย...ปล่อยให้เขาเดินหาเอาเอง
ถ้าอาตมาได้ยินเสียงหมาเห่าผิดปกติ ก็จะโผล่ออกไปดู ถ้าเห็นฝรั่งมา จะถามก่อนว่า...จะไปไหน ? มีธุระอะไร ?
บางคนก็บอกว่าจะไป View Point อาตมาก็บอกให้ขึ้นเขาไปโน่นเลย บันได ๒๕๘ ขั้นเอง
แต่ฝรั่งเขาไม่ท้อนะ บางคนดูว่าอายุประมาณ ๖๐ - ๗๐ ปีแล้ว ยังแข็งแรงเหมือนคนอายุไม่เกิน ๔๐ ปี คนไทยเราถ้า ๖๐ - ๗๐ ปี ก็ตะบันน้ำกินกันหมดแล้ว
อาตมาค่อนข้างจะหน้าด้านกับฝรั่ง เพราะว่าพูดภาษาเขาไม่กลัวผิด ก็ไม่ใช่ภาษาเรานี่ ในเมื่อไม่ใช่ภาษาเรา อุตส่าห์ใช้ภาษาของคุณแล้ว คุณฟังให้เข้าใจก็แล้วกัน
อีกประการหนึ่ง อาตมาเป็นคนไม่กลัวใคร ก็เลยไม่รู้ว่าพวกพระท่านกลัวหรือเปล่า เวลาต้องพูดกับฝรั่ง ? ทั้ง ๆ ที่หลายท่านนี่จบปริญญาโทจากอังกฤษมาเลย
อาตมาถือว่าฟังไม่รู้เรื่อง ก็เป็นปัญหาของคุณ ไม่ใช่ปัญหาของผม ผมพูดภาษาคุณได้ก็ดีตายชักแล้ว จะเอาอะไรมากนัก ทีเขามาบ้านเรา เขายังพูดภาษาที่ไม่รู้เรื่องได้เลยนี่นา
ตอนนี้ต้องให้ท่านยี้ (พระธีราวุธ นิสโก) อยู่ ก็ให้ชีตุ๊ช่วย เพราะว่าฝรั่งผผู้หญิงไม่ค่อยจะฟังเสียงหรอก เจอพระ เขาชอบใจก็คว้าแขนยืนคู่ถ่ายรูป บางคนกอดคอเลย เขาไม่รู้ธรรมเนียมของเรา พอบอกว่าแตะต้องไม่ได้ เขาก็สงสัยอีกว่าทำไมถึงแตะไม่ได้...?!”
*************************
“ดูชุดของพระภูฏานแล้วทะมัดทะแมงดี พวกวัชรยานสายทิเบต เขามีเสื้อกั๊กด้วย เมื่อไรเมืองไทยจะอนุญาตให้พระนุ่งกางเกงใส่เสื้อกั๊กกับเขาบ้างหนอ ?
วัชรยานสายทิเบตเข้าไปตอนที่พุทธศาสนาสายตันตระกำลังรุ่งเรือง เพราะฉะนั้น...ความเชื่อของเขาบางอย่างก็เลยค่อนข้างจะค้านกับของเรา
อย่างเรื่องศักติของพระพุทธเจ้า ศักติก็คือคู่ตรงข้าม อย่างเช่น ผู้ชายตรงข้ามกับผู้หญิง พระพุทธรูปของสายวัชรยานจะมี “ปางยับมุม” ที่มีผู้หญิงกอดเอวอยู่ เราไม่รู้ก็ไปหาว่าเขาสร้างปางอุบาทว์ ความจริงเป็นความเชื่อของเขาอย่างนั้น
เขาว่าผู้หญิงผู้ชายต้องประสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ถึงจะประสบความสำเร็จ สามารถบรรลุธรรมได้ เขาใช้คำว่า ความเข้มแข็งอย่างเดียวโดยไม่มีความอ่อนโยน มีแต่เกิน ไม่พอดี
แล้วแนวความอีกอย่างคือ การฆ่า เพื่อระงับฆ่า
ถ้าสมมติว่าต้องฆ่าโจรสักคนหนึ่ง เพื่อไม่ให้โจรไปฆ่าอีกหลายคนนี่เขาก็จะทำ ก็เลยกลายเป็นความเชื่อในลีลาของพระโพธิสัตว์ ตัวเองยอมลงนรก เพื่อให้ผู้อื่นรอดไปได้”
*************************
“อย่างหลวงจีนคงซิ่ง แห่งวัดเส้าหลิน ท่านเป็นว่าที่เจ้าอาวาส แต่แล้วอยู่ ๆ ก็เกิดวิปลาสขึ้นมา ดื่มสุรา กินเนื้อ ซึ่งเป็นความผิดมหันต์ของสายมหายาน เพราะมหายานกินเจ ไม่เบียดเบียน ไม่เบียดเบียนสัตว์โลก ท่านคงซิ่งก็เลยโดนขับไล่ออกจากวัด
ก่อนที่ท่านคงซิ่งจะโดนขับไล่ออกจากวัดนั้น ไม้เท้าพระธรรมหายสาบสูญไป ไม้เท้าพระธรรมนี้เป็นของท่านตั๊กม้อ หรือท่านโพธิธรรมเถระ เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดเส้าหลิน
ตอนหลังสืบหาเจอ ปรากฎว่าไปอยู่กับขุนนางผู้ใหญ่ประเภทเจ้าพ่อ ทำให้ไม่มีใครกล้าทวง ทางวัดขอซื้อในราคาเท่าไร เขาก็ไม่ขายให้ หลวงจีนคงซิ่งที่อยู่ ๆ วิปลาสขึ้นมา ถูกขับไล่ออกจากวัด ออกไปอาละวาดอยู่ในยุทธจักร แล้วครอบครัวที่ซื้อไม้เท้าพระธรรมนั้นมา ก็โดนหลวงจนคงซิ่งบุกเข้าไปฆ่าล้างโคตร เอาไม้เท้าพระธรรมคืนมาได้
สรุปว่า ตั้งแต่นั้นมาหลวงจีนคงซิ่งก็เป็นคนบาปของแผ่นดิน แต่ไม้เท้าพระธรรมกลับคืนไปสู่วัดเส้าหลิน
เขาเพิ่งจะรู้ว่าทำไมอยู่ ๆ ท่านจึงวิปลาสขึ้นมา เพราะต้องแกล้งบ้าง ไม่อย่างนั้นเรื่องจะเดือดร้อนถึงวัด จึงต้องให้ตัวเองโดนไล่ออกจากวัดก่อน
พอโดนไล่ออกจากวัด ก็แกล้งเป็นบ้า ๆ บอ ๆ ในยุทธจักร ได้โอกาสก็บุกไปฆ่าล้างทิ้งเสียเลยทั้งตระกูล เอาไม้เท้าพระธรรมคืนวัดเส้าหลินไป
คราวนี้ทางการจะไปเล่นงานอะไรวัดเส้าหลินก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านโดนไล่ออกแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับวัด นี่แหละคือลักษณะของพระโพธิสัตว์ ถ้าเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ตัวเองลำบากแค่ไหนก็ยอม”
*************************
“ปีนี้ไม่รู้ว่าเขาฮิตอะไร จัดงานสวดมนต์ข้ามปีกันทั้งประเทศเลย เสียงตอบรับปีนี้ดีมาก เพราะชาวบ้านมาร่วมสวดมนต์ด้วยเยอะ
ส่วนท่านที่ไม่ได้มาสวดมนต์ เพราะว่าต้องเตรียมการเกี่ยวกับงานของทางเทศบาล เขาบอกว่าฟังอยู่ที่บ้าน เพราะเวลาทางวัดท่าขนุนสวดมนต์ เสียงจะได้ยินไปไกลเกือบทั่วอำเภอ
ช่วงใหม่ ๆ ที่วัดสวดมนต์ จะโดนคนโทรศัพท์มาด่า แต่เขาด่าผิดคน เพราะเขาไม่รู้ว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนด่าเก่งขนาดไหน ...!”
*************************
“สมัยก่อนโยมแม่ของอาตมาขายล็อตเตอรี่ ขายไปจนเหลือใบท้าย ๆ ขนาดลดราคาแล้วก็ไม่มีใครซื้อ ปรากฎว่าใบท้าย ๆ นั่นแหละถูก ที่ขายก็ขายไป ที่เหลือแม่ก็ถูกเองด้วย กำไร ๒ ต่อ ลดราคาแล้วเขายังไม่ซื้อ เพราะว่าเลขไม่สวย เลขไม่สวยนั่นแหละออกดีนักแล
มีเจ้าหน้าที่เขื่อนรายหนึ่งรับล็อตเตอรี่ไปส่งต่อ มีคนหนึ่งแทงหวยเลข ๐๐๐ (ตองศูนย์) แทงมา ๕,๐๐๐ บาท เจ้าหน้าที่คนนี้ก็รับกินเอง แล้วดันออกตองศูนย์
คิดดูว่าบาทละ ๕๐๐ เขาแทงมา ๕,๐๐๐ บาท ได้ไป ๒ ล้านกว่าบาท หมดตัวเลย เห็นว่าเลขนี้ไม่มีทางออก แต่ดันออกมาจริง ๆ
เรื่องของการพนัน ไม่ว่าจะเป็นหวยหรืออะไรก็ตาม เป็นลาภที่เกิดจากการทำบุญโดยไม่ได้ตั้งเจตนาไว้ก่อน อย่างเช่น ออกไปเห็นเขามีกองบุญการกุศลก็ทำเลย ถ้าอย่างนั้นจะมาลักษณะลาภลอย
มีใครรู้จัก ดร.เอ (อัจฉรา เสาว์เฉลิม) บ้างไหม ?
รายนั้นถ้าเล่นเป็นถูกทุกงวด แต่พอไปดูเขาเล่น เห็นบัญชีหางว่าวยาวเป็นกระดาษชำระเลย หักกลบลบล้างแล้วเหลือไม่กี่ร้อยบาท แต่เขาถุกทุกงวด ขอให้คิดจะเล่นเถอะต้องถูก
หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า เป็นพวกกองลาดตระเวน เก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อย เจอบุญที่ไหนเขาทำหมด ทำไปทำมาก็กลายเป็นลาภลอย บุญก็คือ ความดีในอดีตส่งผลถึงปัจุบัน เขาเรียก ปุพเพกตปุญฺญตา ผลบุญที่ทำมาแต่ปางก่อน
ดังนั้น...เราจะหวังว่ามาทำตอนนี้แล้วก็จะได้ชาตินี้ ก็คงต้องทำต่อเนื่องกันหลาย ๆ ปีหน่อย เราทำตอนนี้ ขยับไปหน่อยก็เป็นอดีตแล้ว ถึงเวลาพอดีตต่อเนื่องกันได้นาน ๆ ความดีเริ่มส่งผล ปัจจุบันก็จะดี
แต่ว่าความจริงควรจะมาเน้นในเรื่องของสมาธิภาวนา เพราะถ้าเราทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ผลของการปฏิบัติก็จะดีขึ้น”
*************************
ถาม : เบื่อการเกิดแล้วครับ แต่บางทีก็ไม่เบื่อเลย อยากจะให้เบื่อแบบจริง ๆ ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : เบื่อ ๆ อยาก ๆ ใช่ไหม ?
ถ้าอยากจะกลัวการเกิดแบบจริง ๆ จัง ก็ต้องพิจารณาให้เห็นว่า ทุกวินาทีในการดำรงชีวิตอยู่ของเรา เรากำลังลุยอยู่บนกองทุกข์
ในเมื่อเราอยู่บนกองทุกข์ แค่ที่เห็นยังนับว่าดี แต่ถ้าหากว่าต้องพลาดลงอบายภูมิไป กองทุกข์นี้จะมหึมาขึ้นอีกหลายเท่า
ถ้าหากว่าสามารถเห็นได้ว่าทุกวินาทีเราอยู่บนความทุกข์ เราไม่ปรารถนาเช่นนี้อีก เราก็จะกลัวการเกิดจริง ๆ
ถาม : กลัวอย่างเดียวหรือครับ ?
ตอบ : กลัวอย่างเดียวไม่พอ ต้องทำให้ถึงด้วยกลัวอย่างเดียวเป็นแค่ภยตูปัฏฐานญาณ
*************************