Lemon8 Video-Downloader

Der einfachste Weg, Videos und Galerien von der Lemon8-App herunterzuladen

time - นิยายรักวัยรุ่น

time - นิยายรักวัยรุ่น

Desktop: Klicken Sie mit der rechten Maustaste und wählen Sie zum Herunterladen "Link speichern unter...".

PHOTOS
time - นิยายรักวัยรุ่น JPEG Herunterladen

'03'

งานสังคมเป็นงานประเภทที่ลูซี่เกลียดที่สุด มันไม่ใช่ไม่ดีแต่มันวุ่นวาย ต้องปั้นหน้าเข้าหาคนที่ไม่รู้จักไม่ก็คุยแต่กับเรื่องที่ไม่อยากจะเข้าใจ กวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะผละทอดมองออกไปที่นอกหน้าต่างอย่างเบื่อหน่าย

“อยากกลับบ้านว่ะ” ลุคเดินมายืนขนาบข้างพร้อมกับกับเอนหลังพิงกับกำแพงด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย “ไม่คิดว่าจะมา” ลุคไหวไหล่ เล็กน้อยพลางถอนหายใจ

“ถ้าแม่ไม่บังคับกูก็ไม่มาหรอก” ก่อนหน้านี้สองวันพ่อกับแม่ขอให้ทั้งสองมาออกงานนี้แทน ตอนแรกพวกเธอก็ปฏิเสธไปนั่นแหละ แต่พวกท่านขอเพราะด้วยเหตุหนึ่งก็คือพวกท่านต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ เลยไม่สะดวกที่จะไปงาน

ส่วนเหตุผลที่สองก็คือเจ้าของงานเป็นเพื่อนสนิทของพ่อ มันเป็นงานเปิดตัวสินค้าของเครือบริษัทอัสดากรุ๊ปจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่งานเปิดตัวสินค้า ซึ่งจริงๆ เธอมาแค่คนเดียวก็ได้แต่แม่สั่งว่าให้ลุคมาเป็นเพื่อน ตอนแรกลุคก็ปฏิเสธค้านหัวชนฝานั่นแหละ อ้างด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ ที่มันเอามาอ้างได้แต่ก็ต้องแพ้ด้วยคำประกาศิตของแม่

“งั้นก็เลือกเอาระหว่างไม่ไปงานกับเครื่องเกมส์ของแกที่จะถูกขายต่อเป็นของมือสอง” นั่นแหละเลยเป็นเหตุที่ทำให้ลุคต้องมายืนอยู่ตรงนี้

เสียงดนตรีหยุดลงพร้อมกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ปรากฏบนเวทีคาดว่าน่าจะเป็นพิธีกร ผู้คนในงานต่างพากันหันไปให้ความสนใจก่อนที่ผู้ชายบนเวทีจะพูดเปิด

“ยินดีต้อนรับ แขกผู้มีเกียรติ ทุกท่าน ขอต้อนรับ เข้าสู่งานเปิดตัวแบรนด์… ”

ไม่นานคุณผู้หญิงท่านหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นภรรยาของคุณอาอัสดาเจ้าของแบรนด์ที่เป็นเพื่อนสนิทของพ่อก็ขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับพูดกล่าวบรรยายถึงสินค้าแบรนด์ของตัวเอง

งานเปิดตัวสินค้าดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ “ไปห้องน้ำนะ”

ลุกขึ้นก่อนจะหันไปบอกคนข้างๆ ลุคหันมาพยักหน้าให้ด้วยใบหน้าที่พร้อมหลับทุกเมื่อ

เดินออกจากฮอลล์ จัดงานไปตามทางเดินที่ทอดยาวก่อนจะเลี้ยวเข้าห้องน้ำ จัดการทำธุระระหว่าง นั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปพลาง

“แก ผู้ชายคนนั้นโคตรหล่อเลย” เสียงเจี้ยวจ๊าวที่หน้าห้องน้ำแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร “คนไหนของแกวะ”

“ก็คนนั้นไง คนผมน้ำตาลหล่อๆ ที่ฉันชี้ให้แกดูอ่ะ”

“อ๋อ คนนั้นน่ะหรอ ที่ชื่อโลๆอะไรนะ”

“โลอะไรล่ะ เขาชื่อลุค”

เมื่อได้ยินชื่อคนคุ้นเคยก็ถึงกับขมวดคิ้วทันที มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชื่อของลุคจะถูกถึง ด้วยหน้าตาที่หล่อบวกกับพื้นฐานฐานะเลยทำให้มันมักจะมีสาวๆ พูดถึงหรือชื่นชอบอยู่ไม่น้อย “แต่ว่าเขามากับแฟนนี่”

“แฟนเฟินอะไรล่ะ นั้นน้องสาวเขา ชื่อลูซี่” ดูเหมือนว่า คนพวกนั้นจะเริ่มพูดถึงเธอแล้ว “เอ๊ะ? ลูซี่หรอ เดี๋ยวนะเหมือนเคยได้ยิน ที่ไหนมาก่อน”

“ที่ไหนวะ”

“อ๋อ นึกออกล่ะ เหมือนว่าคนที่ชื่อลูซี่นี่จะเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับ ฉันด้วยนะดังด้วย”

“ดังเรื่องไหนหรอแก”

“ก็หลายเรื่องนะ แต่เรื่องที่ดังๆก็ไม่พ้นเรื่องผู้ชายอ่ะ” ประโยคพูดของคนพวกนั้นทำเอามือที่จะกดชักโครกต้องชะงัก ดูท่าเรื่องของเธอที่คนพวกนั้นพูดถึงคงไม่ใช่เรื่องดีซะแล้วสิ “เรื่องมันว่าไงหรอ”

“ก็แบบ เปลี่ยนผู้ชายบ่อย ทำตัวหยิ่งจนหน้าหมั่นไส้อ่ะ”

“หรอ แต่นางก็หยิ่งจริงนะ ขนาดฉันยังไม่ชอบเลย”

ว่าแล้วต้องเป็นเรื่องแบบนี้ ก็นะ มันเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะชอบลุค เพราะหน้าตาที่หล่อสมาร์ทและโปรไฟล์ดี ต่างกับลูซี่ที่โดนเกลียดเพียงเพราะหน้าหยิ่งและไม่ค่อยสุงสิงกับใคร

จัดการกดชักโครกเดินออกจากห้องน้ำ ผู้หญิง สองคนนั้นเมื่อเห็นเธอต่างก็ทำหน้าตกตื่นก่อนจะหลบสายตาและรีบเดินออกจากห้องน้ำไป ก็อย่างนี้แหละ พวกเก่งแต่ลับหลังพอต่อหน้ากลับไม่กล้าแม้จะสบสายตาก็ได้แต่ทำตัวกากแบบนี้แหละ

จัดการธุระจนเสร็จเดินตรงออกจากห้องน้ำ ไปเรื่อยๆ ตามทางเดิน สายตาทอดมองออกด้านนอกหน้าต่างบานใหญ่ สายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนที่อยู่ด้านล่างหน้าโรงแรม หยุดยืนมองพร้อมกับ หรี่ตาเพ่งพบว่าเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาดี เขาคือไทม์หนุ่มแว่นคนนั้นที่พึ่งกันเมื่อวันก่อนนี่เอง มุมปากยกยิ้มก่อนจะรีบเดินลงลิฟต์ลงไปชั้นล่าง

ทันทีที่ ลงมาถึงชั้นล่างก็รีบกวาดสายตามองหา พบไทม์ในชุดไปรเวทที่กำลังถือถุงบางอย่างเดินมาอย่างทุลักทุเล มุมปากยกยิ้มอัตโนมัติให้กับท่าทางเก้ๆ กังๆ ของเขา

เดินตรงดิ่งเข้าไปพร้อมกับยกมือแตะที่แขนหนาของเขาเบาๆ “อ๊ะ! พี่ลูซี่”

ไทม์หันมาพร้อมกับทำสีหน้าตื่นตกใจ นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกเอ็นดูยิ่งขึ้นไปอีก

“สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้วนะ”

“ครับ ว่าแต่วันนี้พี่ลูซี่แต่งตัว สวยเชียว มางานปาร์ตี้ หรอครับ ”

“ก็ไม่เชิงค่ะ แล้วไทม์ล่ะ ” เอ่ยทักพลางมองถุงพลาสติก ขนาดใหญ่ สองถุงในมือของเขา “มาส่งของน่ะครับ”

ทั้งสองคนเดินมานั่งที่ม้านั่งหน้าทางเข้าเพื่อรอคนรับของ ไทม์วางถุงตรงที่ว่างข้างๆ ของด้านในมันเหมือนเป็นของกินอะไรสักอย่างที่เป็นสีส้มแดงคล้ายๆกับพวกน้ำพริกกากหมูที่เคยเห็นเลยคิดว่าน่าจะใช้

“น้ำพริกกากหมูหรอ”

“ครับ อร่อยนะครับพี่ลูซี่สนใจมั้ย”

“อร่อยเหมือนคนขายรึเปล่า” ยกยิ้มพร้อมกับเท้าแขนเขยิบใบหน้าเข้าไปใกล้ให้อีกคนตกใจเล่น

“พะ-พี่ลูซี่อย่าแกล้งกันสิครับ ผมเขินนะ” ไทม์เอี้ยวตัวออกพร้อมกับยกถุงขึ้นบังหน้าที่แดงระเรื่อง ใบหน้าที่เขินอาย คนอะไรไม่รู้น่ารักจนใจเจ็บอยากจะเสียนิสัยฟัดแก้มนั่นให้รู้แล้วรู้รอด

นั่งคุยกันไปสักแป๊บไทม์ก็จัดการเข้าไปส่งของก่อนจะเดินออกมาด้วยสีหน้าสดใส เขาเดินตรงมานั่งลงข้างลูซี่ที่เดิม “พี่ลูซี่จะเข้าไปข้างในเลยมั้ยครับ”

“ไล่พี่หรอ เสียใจจัง” ฉันแกล้งทำหน้าเศร้าทั้งที่ในใจนึกสนุก และก็เป็นอยย่างที่คิดไทม์ทำสีหน้าตกใจพร้อมกับส่ายหนน้ารัว “ปะ-เปล่านะครับ ผมแค่ถามเฉยๆ”

“หึ พี่ล้อเล่นค่ะ ว่าแต่เราจะกลับแล้วหรอ” ไทม์ยักหน้าพลางเม้มปากแน่นเผยให้แก้มแดงระเรื่อล้นแก้มออกมา จู่ ๆ หัวสมองก็เกิดความคิดอกุศลขึ้นมา ถ้าเกิดเธอฟัดแก้มแดงของคนน่ารักตรงหน้าแรงๆ มันจะเป็นยังไงนะ

“ผมจะกลับแล้วครับ”

“กลับยังไงหรอ”

“มอเตอร์ไซค์ที่บ้านน่ะครับ เดี๋ยวผมขี่กลับ”

“คนเดียวน่ะหรอ”

“ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ” จู่ ๆ ก็เกิดนึกเป็นห่วงขึ้นมา ทั้งที่ปกติเขาอาจจะทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติก็ได้ แต่ไม่รู้สิ แค่รู้สึกเป็นห่วงไม่อยากให้เขาขี่รถขับกลับคนเดียว แล้วจู่ๆ หัวสมองนึกอะไรบางอย่างได้ “ไทม์รีบกลับมั้ย”

“ไม่นะครับ พี่ลูซี่จะไปไหนรึเปล่าครับ”

“พี่อยากนั่งรถเล่นน่ะค่ะ จะรบกวนไทม์พาไปได้รึเปล่า” ไทม์ทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่ “ได้นะครับ แต่พี่ลูซี่ไม่ต้องเข้าไปข้างในแล้วหรอครับ”

เอาจริงๆ เธอก็ต้องกลับเข้าไปในงานแหละ แต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะต้องเข้าไปพบปะผู้คนมันมีมากกว่า

“ก็ต้องเข้านั่นแหละค่ะ แต่พี่อยากอยู่กับเรามากกว่า”

“มันจะดีหรอครับ”

“ดีสิ ถ้าอยู่กับไทม์อะไรมันก็ดีไปหมดแหละ” ยกยิ้มให้อีกคนเล็กน้อยแล้วก็เป็นไปตามคาด ไทม์หน้าแดงระเรื่อจากความเขินก่อนเขาจะหลบสายตามองพื้น

“พี่ลูซี่อ่ะ แกล้งผมอีกแล้ว”

“หึ ไม่ต้องกังวลเรื่องของพี่หรอกค่ะ เแค่ออกมานอกงานแป๊บเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก”

“งั้นก็ได้ครับ งั้นพี่ลูซี่รออยู่ตรงนี้สักครู่นะครับเดี๋ยวผมไปเอารถก่อน”

มองตามแผ่นหลังของไทม์จนเขาลับสายตาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าถือขึ้นมาส่งข้อความหาใครบางคน

Lucyxx : ออกไปข้างนอกนะ

Lukeggeasy : มึงจะทิ้งกูหรอไอ้ลู

Lucyxx : ป่าวทิ้ง

Lucyxx : แค่เบื่อ

Lukeggeasy : ส่งสติ๊กเกอร์

Lukeggeasy : แล้วมึงไปกับใคร

Lucyxx : น้อง

Lukeggeasy : น้อง?

Lukeggeasy : ไอ้เด็กนั่นอ่ะนะ

Lucyxx : อือ

Lukeggeasy : นี่มึงทิ้งพี่ไปเที่ยวกับผู้ชายหรอ

Lukeggeasy : ใช่สิ เดี๋ยวพี่ชายคนนี้มันสำคัญแล้วสินะ

Lucyxx : รำคาญ ไปล่ะ

Lukeggeasy : ไอ้ลู!!!

Lukeggeasy : ไอ้น้องเวรกูจะฟ้องแม่

Lucyxx : ส่งสติ๊กเกอร์

ปิดหน้าจอมือถือเก็บลงกระเป๋าในเวลาเดียวกันไทม์ก็ขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบด้านหน้าพอดี ลุกตรงไปหาเขารับหมวกกันน็อกมาใส่ก่อนจะจัดระเบียบชุดก้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์สีน้ำเงิน WAVE 110

“รถเก่าหน่อยนะครับ ขับได้ไม่เร็วมาก”

“ถ้าเป็นไทม์ขี่รถอะไรพี่ก็นั่งได้หมดค่ะ” จัดการหยอดคนตรงหน้าไปทีนึงพอหอมปากหอมคอ แล้วก็เป็นอย่างที่คาด ไทม์หันพูดงุบงิบพร้อมกับใบหน้าแดงระเรื่อภายใต้หมวกกันน็อก “พี่ลูซี่อ่ะ!!”

“หึ ก็พี่พูดจริงนี่คะ ถ้าเป็นไทม์ไม่ว่าจะอะไรพี่ก็ไม่เกี่ยงหรอก”

“งือ” เสียงอู้อี้ของคนข้างหน้าแม้จะเบาแต่ก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน

“ผะ-ผมว่าออกรถเลยดีกว่า เดี๋ยว จะยิ่งดึก”

ไทม์เปลี่ยนเรื่องคุยก่อนจะค่อยๆ ออกรถอย่างช้าๆ ลูซี่เอื้อมมือไปจับเอวของเขาอย่างเบาๆ แต่ก็พอจะรู้ได้ว่าไทม์เป็นผู้ชายที่เอวบางมาก เหลือบเห็นใบหูของเขาที่แดงระเรื่อ ให้มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ดูท่าเขาคงจะเขินไม่น้อยนะเนี่ย

รถมอเตอร์ไซค์สีน้ำเงิน WAVE 110 เคลื่อนตัวไปบนถนนเส้นหลักด้วยความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. มันไม่ช้าไม่เร็วจนทำให้ฌะอได้เห็นวิวทิวทัศน์รอบๆ ได้ชัดเจน “พี่ลูซี่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์มั้ยครับ”

ไทม์ตะโกนถามผ่านลมที่ดังจนแทบหูอื้อ “ไม่เคยค่ะ นี่ครั้งแรก”

“โห จริงหรอครับเนี่ย”

น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่เชื่อแต่มันคือเรื่องจริง นี่เป็นการนั่งมอเตอร์ไซค์ครั้งแรกในชีวิตของเธอก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านมาเวลาเดินทางไปไหนก็จะเดินทางด้วยรถยนต์ตลอด ไม่ขับเองก็มีคนขับให้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าที่บ้านจะไม่มีมอเตอร์ไซค์เลย ก็มีอยู่สองคันเป็นของลุคทั้งหมดแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยซ้อนเลยสักครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะไม่อยากซ้อนแต่ลุคมันไม่ยอมให้เธอซ้อนด้วยเหตุผลที่ว่า

“จะมานั่งมอเตอร์ไซค์ทำไม อย่างมึงนั่งรถยนต์ไปเถอะ” ถึงแม้ปากคนเป็นพี่จะพูดไปแบบนั้นแต่เธอก็รู้ดีว่าที่ลุคไม่ยอมให้ซ้อนเพราะเป็นห่วงนั่นแหละ

ขับมาเรื่อยๆ จนมาถึงยังสวนสาธารณะกลางเมืองจากโรงแรมมามันไม่ได้ไกลมากห่างกันแค่ประมาณ 10 กิโลเมตรได้ รถมอเตอร์ไซค์ค่อยๆเทียบจอดที่ลานจอดรถ “พี่ลูซี่ผมขอแวะกินข้าวก่อนได้มั้ยครับ ผมหิว”

“ได้ค่ะ แล้วเราจะกินอะไร”

“บะหมี่ร้านตรงนั้นน่ะครับ ผมเคยมากินกับเพื่อนเมื่อวันก่อนอร่อยมากเลยครับ พี่ลูซี่ลองมั้ยครับ”

ไทม์พูดพลางชี้นิ้วไปทางร้านบะหมี่ที่อยู่ไม่ไกลจากลานจอดรถที่ทั้งสองคน“ถ้าไทม์บอกขนาดนั้นพี่ก็คงไม่ขัด”

เดินเข้ามานั่งในร้านบะหมี่พลางกวาดสายตามองสำรวจ รอบๆ มีร้านอาหารตั้งเรียงรายอยู่ประมาณสองสามร้านแต่ละร้านลูกค้าไม่ได้เยอะมากอาจจะเพราะด้วยเวลาที่ตอนนี้ดึกแล้วคนคงเริ่มบางเบา แต่ก็ยังมีลูกค้ารวมถึงไรเดอร์รับอาหารเข้ามาเรื่อยๆ อย่างไม่ขาดสาย

“พี่ลูซี่กินอะไรครับ มีบะหมี่น้ำ เกี๊ยวน้ำ บะหมี่เกี๊ยวแล้วก็บะหมี่แห้ง”

“พี่ไม่รู้ว่าอันไหนอร่อยกว่ากัน ไทม์ช่วยแนะนำให้พี่หน่อยได้มั้ยคะ” ไทม์หันมองป้ายเมนูบนร้านชั่งใจอยู่ครู่ “งั้นเกี๊ยวน้ำมั้ยครับ ถ้าเป็นบะหมี่ผมกลัวว่าพี่ลูซี่จะอิ่มเกิน”

“ได้ค่ะ”

ไทม์ลุกขึ้นตรงไปสั่งอาหารอยู่แป๊บนึงก่อนจะกลับมานั่งรอตามเดิม ระหว่างรอทั้งสองคนก็นั่งคุยไปเรื่อย ไม่นานบะหมี่สองชามก็มาเสริฟ ลูซี่จัดการปรุงบะหมี่ในชามของตัวเองก่อนจะเริ่มลงมือชิม ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกลิ่นของน้ำซุปก็ตีขึ้นมาทันที ส่วนเรื่องรสชาติทั้งกลมกล่อมและความเข้มข้นของน้ำซุปบวกกับความอร่อยของตัวเกี๊ยวมันกับลงตัวจนไม่อยากจะหยุดกินเลย

“อร่อยมั้ยครับ”

“อร่อยมากเลยค่ะ ไม่แปลกเลยที่คนจะเยอะ”

“ใช่มั้ยครับ ผมน่ะวันไหนเลิกเร็วก็จะพากันมากินบะหมี่ที่นี่ไม่ก็ซื้อกลับไปฝากที่บ้านบ้าง แต่ถ้ามาช่วงสามสี่โมงคนจะเยอะมากเลยครับ รอกันเป็นชั่วโมงเลย”

ไทม์เล่าด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข รอยยิ้มนั่นมันทำให้เธอเผลอหลุดยิ้มอีกครั้ง

“พี่ลูซี่ลองชิมบะหมี่แห้งนี่ดูสิครับ อร่อยมาก” ไทม์ยื่นช้อนที่ใส่เส้นบะหมี่แห้งมาตรงหน้า เธอมองอย่างชั่งใจช้อนตามองคนตรงหน้า “ให้พี่ชิมหรอคะ”

“ครับ” มองช้อนที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างชั่งใจก่อนจะอ้าปากกินมัน ทั้งที่ปกติเธอจะคอยหยอดไทม์อยู่ประจำเพื่อทำให้เขาเขินเพื่อที่จะได้เห็นเขาเขิน แต่พอเขาทำแบบนี้มันทำให้ใจของเธอสั่นระห่ำอย่างที่ไม่เคยเป็น นี่เธอเป็นโรคหัวใจรึไงกันเนี่ย

“อร่อยมั้ยครับ” ไทม์มองอย่างตั้งใจ เพื่อรอคำตอบ “อร่อยมากเลยค่ะ” พอได้ยินคำตอบไทม์ยกยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ

“ใช่มั้ยครับ บะหมี่ร้านนี้อร่อยทุกอย่างเลยครับ ผมชอบมาก”

“ขายเก่งแบบนี้พี่คงต้องมาบ่อยๆแล้วค่ะ”

“ใช่มั้ยครับ แต่ถ้าพี่ลูซี่ไม่อยากมาคนเดียวเดี๋ยวผมมาเป็นเพื่อนก็ได้นะครับ”

“แล้วถ้าพี่อยากให้ไทม์มาในสถานะอื่นไทม์จะมามั้ย” ยกยิ้มลอบหัวเราะเบาๆ กับสีหน้างงงวยของคนตรงหน้า “มะ-หมายความว่ายังไงหรอครับ”

“ก็หมายความว่า…พี่อยากให้ไทม์มาในสถานะแฟนไงคะ”

“แค่ก!! พะ-พี่ลูซี่อ่ะ! พูดอะไรอ่ะครับ อย่าแกล้งกันแบบนี้สิครับ ผมเขินนะ” ไทม์ก้มหน้างุดเผยให้เห็นแก้มกลมที่แดงระเรื่อโผล่ออกมา

น่ารัก

ทั้งสองนั่งกินกันอีกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเรียกเด็กในร้านมาเก็บตังค์ ตอนแรกไทม์ก็ยื่นเงินในส่วนของตัวเองมาให้นั่นแหละแต่ลูซี่ปฏิเสธไปเพราะเขาอุตส่าห์พาเธอออกมานั่งรถเล่นเธอก็อยากตอบแทนเขาบ้าง

“พี่ลูซี่อยากไปที่ไหนอีกมั้ยครับ” เดินมาที่รถลูซี่รับหมวกกันน็อกมาใส่ให้เรียบร้อย “ไทม์มีที่ที่แนะนำมั้ยคะ”

ไทม์ทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่ “พี่ลูซี่รู้จักคาเฟ่แมวมั้ยครับ” เธอพยักหน้าตอบ เธอรู้จักเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะเวลาว่างจากการเลิกเรียนเบลล์มักจะลากเธอไปด้วยตลอด “รู้จักค่ะ”

“งั้นไปคาเฟ่แมวกันครับ อยู่ไม่ใกล้ๆนี่เอง”

จากสวนสาธารณะถึงคาเฟ่แมวใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีถึง รถมอเตอร์ไซค์เทียบจอดที่จอดรถบริเวณหน้าร้าน

ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้านไทม์ก็พุ่งตัวเข้าไปอุ้มน้องแมวพร้อมกับพูดกับแมวด้วยเสียงสองมันยิ่งทำให้เขาน่ารักยิ่งขึ้นไปอีก

“อ๊ะ น้องแมว~~”

“อ่าวน้องไทม์ วันนี้มาซะดึกเชียว” ผู้หญิงคนหนึ่งทักเขาอย่างสนิทสนมซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน

“พอดีวันนี้ติดธุระน่ะครับ เลยมาดึก” ไทม์วางแมวลงกับพื้นก่อนจะเดินไปยังเคาน์เตอร์สั่งอาหาร “พี่ลูซี่เอาอะไรมั้ยครับ ”

“พี่เอาอเมริกาโน่แก้วนึงก็พอค่ะ”

สั่งอาหารกันเสร็จก็พากันมานั่งที่โต๊ะ ระหว่างรออาหารไทม์ก็นั่งเล่นกับแมวไปพลางโดยมีลูซี่นั่งมองอยู่ไม่ห่าง พลางกวาดสายตามองบรรยากาศรอบๆ คาเฟ่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีมมีต้นไม้ประดับบ้างประปรายไม่รกตา ถัดจากเคาน์เตอร์ไม่ไกลมีคอนโดแมวตั้งอยู่ขนาดของมันใหญ่พอที่แมวสิบตัวสามารถอยู่ได้อย่างสบายๆ

“น้อง~~ มีขนมด้วย มากินเร็ว”

เสียงของไทม์ให้ต้องละสายตาไปมอง ไทม์นั่งลงกับพื้นพร้อมกับยื่นขนมแมวเพื่อเรียกความสนใจจากแมว และมันก็ได้ผลไม่นานเหล่ากองทัพแมวนับสิบก็ตรงมาหาเขาพร้อมกับปีนป่ายเพื่อที่จะกินขนมในมือ

“น้อง เดี๋ยวก่อน~ ใจเย็นๆ เอ๊อะ!” ท่าทางของไทม์ที่กู่ร้องพลางยกแขนที่ถือขนมหนีทำให้เธอถึงกับหลุดขำออกมา

“พี่ลูซี่ ช่วยผมด้วย”

ไทม์หันมาขอคความช่วยเหลือพลางทำหน้าเบ้ ดูท่าเขาจะไม่ไหวสินะ ลูซี่ลุกจากเก้าอี้เดินไปหยิบขนมแมวเเลียก่อนจะยื่นไปตรงกลางวง ไม่นานฝูงแมวก็เปลี่ยนเป้าหมายจากไทม์ตรงมาหาเธอก่อนจะแย่งกันกินขนมในมือ

“โห ทำไมน้องไม่เห็นปีนพี่ลูซี่มั่งเลย ทีผมนี่ปีนจนเกือบจะถึงหน้าแล้ว”

“ก็ไทม์ยกขนมหนีน้องนี่คะ ไม่แปลกที่น้องจะปีน เวลาเราจะให้ขนมน้องแมวเราอย่าไปยกหนีต้องให้ตรงๆแบบนี้ไม่งั้นน้องก็จะตะเกียกตะกายปีนเรานะคะ”

ไทม์บึนปากพร้อมกับขยับตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะรับขนมไปจากมือเพื่อให้ขนมน้องแทน “ของที่สั่งได้แล้วจ้า” เสียงของพี่พนักงานเรียกให้พวกเขาหันไปมอง

“ไวท์ช็อคโกแล็ตกับพุดดิ้งของน้องไทม์ แล้วก็อเมริกาโนของแฟนน้องไทม์” ประโยคสุดท้ายของเธอทำเอาไทม์หน้าขึ้นสี

“มะ-ไม่ใช่นะครับ พี่ลูซี่เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยต่างหาก”

“อ่าวหรอ งั้นพี่ขอโทษด้วยนะคะ พี่ไม่รู้จริงๆ” ลูซี่ยกยิ้มพลางส่ายหัวให้เธอ “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแค่นี้เอง”

“โอเคๆ งั้นพี่ไม่รบกวนพวกเขาแล้ว” เมื่อได้ของกินแล้วทั้งสองคนก็ต่างจัดการกับของกินตรงหน้าส่วนไทม์ก็กินไปเล่นกับแมวไป

ขณะที่กำลังมองไทม์ที่เล่นกับแมวอย่างเพลิดเพลินใจก็เหลือบไปเห็นแมวตัวหนึ่งข้างเก้าอี้ที่ลูซี่นั่ง มันเป็นแมวเปอร์เซียสีขาวขนฟูฟ่องหน้าตาเย่อหยิ่งดูไม่รับแขกสักเท่าไหร่

“ไงเจ้าเหมียว” เธอยื่นมือไปหามันเพื่อที่จะลูบแต่เหมือนจะแมวเปอร์เซียจะไม่ยอมให้ความร่วมมือมันลุกขึ้นเดินหนีไปหาไทม์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน

“เมี๊ยว~”

“อ๊ะ เจ้าขนฟู” ไทม์อุ้มเจ้าแมวเปอร์เซียขึ้นวางบนตักพร้อมกับลูบขนที่ฟูฟ่องนั่นอย่างเบามือ

“เมี๊ยว~” เหมือนว่าเจ้าแมวจะรู้สึกดีมันใช้หัวของมันถูไถกับตัวไทม์ราวกับมันร้องขอให้เขาทำต่อไป

“ชอบให้ลูบหรอ” เห็นแบบนั้นไทม์ก็ลูบมันต่ออย่างเบามือสลับกับก้มหอมฟัดหลังเจ้าแมวอย่างหมั่นเขี้ยว จู่ๆ ภายในก็เกิดความรู้สึกไม่ชอบใจบางอย่างแปลกๆ

ลูซี่จ้องมองเจ้าแมวเปอร์เซียที่กำลังอ้อนไทม์ไม่หยุดแต่เหมือนมันจะรู้ว่าเธอกำลังจ้องมองมันอยู่มันก็หันมามองก่อนมันจะเชิดหน้าใส่แล้วหันไปอ้อนไทม์

ลูซี่ที่เห็นดังนั้นคิ้วก็กระตุกทันที ไอ้แมวหน้าหยิ่งนี่อยู่ดีไม่ว่าดีจะหาเรื่องกันใช่มั้ย

“ไทม์พี่ขออุ้มแมวตัวนั้นบ้างได้มั้ยคะ”

“ตัวนี้หรอครับ ได้สิครับ” ไทม์อุ้มเจ้าแมวหน้าหยิ่งส่งให้ เจ้าแมวหน้าหยิ่งที่รู้ว่ามันกำลังจะถูกส่งให้เธอมันก็ดิ้นพร้อมกับร้องส่งเสียงไม่หยุด “อย่าดิ้นสิเดี๋ยวตกนะ”

“เมี๊ยว!”

“ขอบคุณค่ะ” รับเจ้าแมวหน้าหยิ่งเอามาไว้บนตักแต่มันก็พยายามจะปีนออกแถมยังถีบมือของเธอไม่ให้แตะตัวของมันด้วย เมื่อเห็นว่ามันยังดื้ออยู่ลูซี่จึงสอดมือเข้าใต้ขาหน้าทั้งสองข้างพร้อมกับจับคอไว้ก่อนจะก้มลงไปพูดกับมัน “อย่าดื้อสิเจ้าเหมียว อยู่นิ่งๆ เป็นเด็กดีนะเดี๋ยวมีรางวัลให้”

เหมือนเจ้าแมวหยิ่งจะรู้ถึงเจตนาของฉันและรู้ว่ามันไม่สามารถต้านได้มันหยุดดิ้นพร้อมกับร้องขู่ออกมาเบาๆ

“พี่ลูซี่รีบกลับมั้ยครับ ผมจะขอไปเล่นกับน้องก่อน” เธอส่ายหัวเบาๆ เป็นคำตอบ “ไทม์ไปเล่นกับน้องเลยค่ะ ถ้าพี่จะกลับเดี๋ยวพี่เรียก”

ไทม์วิ่งตรงไปยังคอนโดแมวเธอที่เห็นดังนั้นก็แอบลอบยกยิ้มกับท่าทางน่าเอ็นดูไม่น้อย “เมี๊ยว”

เสียงของเจ้าแมวบนตักเหมือนมันกำลังบ่นฉันอยู่ที่ไม่ยอมปล่อย เธอจึงใช้มือนวดที่คอของมันเพื่อหยอกล้อเล็กน้อย “ทำไม อิจฉาเพื่อนรึไงที่เขาเล่นด้วย”

“เมี๊ยว” สีหน้าท่าทางที่ดูเบื่อของมันบ่งบอกว่าไม่ได้อิจฉาเพื่อนแต่มันกำลังด่าเธออยู่ต่างหาก

“หึ เป็นแค่แมวแต่ด่าเก่งจังนะ ทีเป็นเขากลับออเซาะไม่หยุด” พอพูดออกไปแบบนั้นเจ้าแมวหยิ่งก็งับเข้าที่มือของเธอเบาๆ เป็นราวกับบอกว่าให้เธอหุบปาก

“ไอ้แมวนี่” ลูซี่กัดฟันพูดเก็บอารมณ์หงุดหงิดก่อนจะจับหัวเจ้าแมวหยิ่งอย่างหมั่นไส้

เวลาผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าไทม์ยังคงเล่นกับฝูงแมวอยู่เหมือนเดิมส่วนลูซี่ก็ยังคงนั่งมองเขาเล่นกับแมวที่เดิมที่มีเจ้าแมวหน้าหยิ่งนอนอยู่บนตักอย่างไม่สบอารมณ์เหมือนเดิมด้วย

ขณะที่กำลังนั่งมองไทม์อย่างเพลิดเพลินอยู่นั้นจู่ๆ เจ้าแมวหน้าหยิ่งก็กระโดดลงจากตักตรงไปยังหน้าร้าน ลูซี่มองตามมันดูเหมือนว่าเจ้าแมวหน้าหยิ่งจะเดินไปนอนอยู่หน้าประตู สงสัยมันคงจะเบื่อเธอเข้าให้แล้วล่ะ

เสียงสั่นจากโทรศัพท์ให้ฉันหันไปสนใจพบว่าคนที่โทรมาคือลุค ลูซี่ลุกจากเก้าอี้พลางเหลือบมองอีกคนที่กำลังเล่นกับแมวอยู่ ก่อนจะเดินออกมาจากนอกตัวร้านเพื่อรับโทรศัพท์

“ว่า”

[มึงอยู่ไหนเนี่ย] เสียงจากปลายสายดังจนทำให้เธอต้องยกโทรศัพท์ออกจากหู

“ข้างนอกไง ทำไม”

[ป่าว กูเหงา] คำตอบของลุคทำเอาคนเป็นน้องถึงกับถอนหายใจออกมา

“งั้นกูวาง”

[เดี๋ยวๆๆๆๆ อย่าพึ่งดิ กูล้อเล่น โถ่ อย่าใจร้ายกับพี่มึงดิวะ]

“แล้วสรุปมีอะไร” ตอบออกไปด้วยอารมณ์ที่โคตรจะเหนื่อยใจ รู้แหละว่าคนเป็นพี่เป็นคนแบบนี้แล้วก็รู้ว่าต่อให้ด่าไปสักเท่าไหร่มันก็ไม่สะทกสะท้านสุดท้ายก็จะกลับมากวนตีนต่อย่างทุกครั้งมัน เลยทำให้เธอเหนื่อยใจกับนิสัยกวนประสาทของเขาสุดๆ

[เมื่อกี้คุณอาอัสดาเขามาคคุยกับกูแล้วถามหามึง เห็นว่าจะคุยอะไรสักอย่างนี่แหละ แต่กูบอกเขาไปแล้วว่ามึงมีธุระด่วนเลยกลับก่อน]

“ก็คงจะเรื่องเดิม ๆนั่นแหละ”

เรื่องเดิมๆ ที่ว่ามันมีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอก ไม่เรื่องธุรกิจไม่ก็เรื่องลูกชายของเขา ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมต้องเป็นเรื่องลูกชายของเขาเรื่องของเรื่องก็คือตั้งแต่ลูกชายของเขาเรียนจบทั้งคุณอาอัสดาและภรรยาของเขาเวลาเจอกันทีพวกท่านก็มักจะยกเรื่องลูกชายของเขามาพูดอยู่บ่อยครั้งเพื่อที่ต้องการจะจับลูกชายของเขาให้หมั้นหมายกับเธอ ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบของเธอก็คือปฏิเสธ

ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักแต่แค่ไม่ชอบ แล้วยิ่งคุณอามาพยายามกรอกหูขายลูกชายบ่อยๆ แบบนี้มันก็ยิ่งทำให้เริ่มมีความคิดที่จะตัดเขาออกจากพันธมิตรทางธุรกิจเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่ได้สนใจหรอกนะ ถึงแม้เขาจะขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของพ่อก็ตามที

[คงงั้น เที่ยวเสร็จมึงก็ให้ไอ้เด็กนั่นมันไปส่งมึงที่บ้านเลยไม่ก็ให้พี่โจไปรับไม่ต้องวกมาที่นี่]

“แล้วมึงล่ะ”

[กูออกมาล่ะ ขี้เกียจอยู่ อยู่ไปก็ไม่มีอะไรทำน่าเบื่อจะตายชัก]

“อือ”

[แค่นี้ล่ะ ถึงบ้านแล้วทักบอกด้วย]

“ไม่เข้าบ้าน?”

[เออ กูมีเจคต้องทำ] คอนโดของลุคอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมาก ตั้งแต่มีคอนโดส่วนตัวชอบที่จะไปอยู่ที่นั่นมากกว่าด้วยเหตุผลที่ว่าขี้เกียจขับรถ ซึ่งความแล้วพี่ชายตัวดีต้องการที่จะเล่นเกมส์ได้อย่างเต็มที่มากกว่าต่างหากเพราะถ้าเขายังอยู่ที่บ้านก็จะไม่สามารถเล่นเกมส์ได้อย่างสะดวก

“เจคหรือเกมส์”

[ทั้งสองอย่างแหละ แค่นี้นะ]

คุยเสร็จเธอที่กำลังจะเดินเข้าคาเฟ่จู่ๆ สายตาก็เหลือบเห็นอะไรบางอย่างที่หน้าร้าน เดินเข้าไปใกล้พบว่าเป็นเจ้าแมวหน้าหยิ่งตัวนั้นที่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้กำลังขู่หมาพันธุ์ไทยสีน้ำตาลตัวหนึ่ง

ลูซี่รีบตรงดิ่งเข้าไปแทรกระหว่างเจ้าแมวหน้าหยิ่งกับหมาพันธุ์ไทยก่อนจะพยายามไล่มันไป แต่เหมือนว่าเจ้าหมาตัวนั้นมันยังคงส่งเสียงคำรามอยู่ เธอเลยตัดสินใจหันไปอุ้มเจ้าแมวหน้าหยิ่งขึ้นอก มันก็ยังคงขู่และเหมือนจะพุ่งลงไปทุกเมื่อทำให้เธอต้องล็อคตัวมันพร้อมกับเอ่ยเสียงปราม

“ไม่เอาๆ เข้าร้านดีกว่าป่ะ” ยังไม่ทันที่จะเดินเข้าคาเฟ่เจ้าหมาตัวนั้นก็ส่งเสียงเห่าพร้อมกับกระโจนเข้ามาหมายจะทำร้ายเจ้าแมวหยิ่งที่อยู่บนอกทำให้ลูซี่ต้องเอี้ยวตัวเพื่อเบี่ยงเจ้าแมวไปอ้อมอกให้พ้นเจ้าหมาที่พยายามกระโดดขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงปราม

“เมี๊ยว!!!”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” ลูซี่พยายามสลัดเจ้าหมาที่พยายามตะเกียกกายขึ้นมาแต่ด้วยที่เธออุ้มเจ้าแมวเปอร์เซียในระดับที่สูงพอที่จะไม่ให้หมากระโดดขึ้นมาได้เจ้าหมาเลยทำได้แค่ตะกุกขาฉันจนเป็นทางยาว

“พี่ลูซี่เกิดอะไรขึ้นครับ!”

ไทม์กับพี่เจ้าของร้านพากันวิ่งออกมาด้วยใบหน้าแตกตื่น

“ไป! ไอ้หมานี่นี่” พี่พนักงานหยิบไม้กวาดมาไล่จนมันวิ่งหนีไป

“พี่ลูซี่เป็นอะไรรึป่าวครับ” ไทม์เข้ามาจับก่อนจะหมุนตัวเธอเพื่อสำรวจรอยแผล “พี่ไม่เป็นอะไรค่ะ”

“ไม่เป็นอะไรล่ะครับรอยเล็บเป็นทางเลย” ไทม์มองแผลที่ขาพร้อมกับทำหน้าเบ้ราวกับรู้สึกผิด

“ตายแล้ว ขาเราเป็นแผลนี่ เราเข้าไปทำแผลข้างในก่อนไป”

สุดท้ายฉันก็ถูกพาเข้ามาทำแผลที่ด้านในร้าน ลูซี่นั่งลงที่โต๊ะเดิมก่อนที่พี่เจ้าของร้านเดินเข้าไปในร้านและเดินออกมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลออกมา “เดี๋ยวผมทำให้เองครับ”

“โอเคงั้นพี่ขอตัวไปปิดร้านก่อนล่ะกันมีอะไรก็เรียกนะ”

หลังจากพี่พนักงานแยกตัวออกไปไทม์ก็เริ่มลงมือทำแผลให้เธอ มือหนาหยิบสำลีออกมาจากถุงจัดการใส่แอลกอฮอล์ก่อนจะแตะลงบนแผลเบาๆ “แสบบอกนะครับ”

“ค่ะ” หญิงสาวนั่งมองไทม์ที่ค่อยๆ บรรจงทำแผลอย่างตั้งใจ แอบเห็นว่าเขากำลังเม้มปากเกร็งมือ สงสัยคงจะกลัวว่าเธอจะเจ็บล่ะมั้ง

“ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะเจ็บหรอกค่ะ ทาลงไปเลย” ไทม์ช้อนตามองเม้มทำตาปริบๆ ใส่ “แต่พี่ลูซี่จะเจ็บนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ เราทำเต็มที่เลย”

“อืม…ก็ได้ครับ”

จากนั้นไทม์ก็เริ่มทำแผลอย่างไม่เกร็ง ลูซี่ที่นั่งมองดูเขาที่กำลังแผลอย่างตั้งใจก็แอบลอบยกยิ้ม จำความได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะซุ่มซ่ามหรือจนบางทีก็มีนิสัยที่เหมือนเด็กสามขวบ แต่พอได้มาเห็นมุมแบบนี้ก็รู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนที่อบอุ่นใส่ใจคนรอบข้างไม่น้อยอาจจะมีเด๋อๆ ด๋าๆ บ้างแต่พอมาเจอกับตัวแบบนี้ก็ทำให้ใจสั่นอยู่ไม่น้อยเลย

“เสร็จแล้วครับ”

“ขอบคุณค่ะ” ทำแผลกันเสร็จก็เป็นจังหวะที่พี่เจ้าของร้านเดินกลับมาพอดี

“แล้วนี่จะกลับกันเลยใช่มั้ย”

“ครับ เดี๋ยวผมต้องไปส่งพี่ลูซี่อีก”

“โอเค งั้นเดินทางกลับบ้านกันดีๆนะ แล้วก็พี่ขอโทษเรื่องหมาเมื่อกี้ด้วยนะลูซี่”

“ไม่เป็นอะไรค่ะพี่ มันเป็นแค่อุบัติเหตุ”

“งั้นกันนะ มาที่นี่อีกได้เสมอเลยนะ” หลังจากร่ำลากันเสร็จก็แยกย้ายกัน ขณะที่ลูซี่กำลังจะเปิดประตูจู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างมาสะกิดที่เท้าพอหันมาก็พบว่าเป็นเจ้าแมวหน้าหยิ่งกำลังเขี่ยเท้าเธออยู่

“มีอะไรหืม” ลูซี่ย่อตัวลงพลางเอื้อมมือไปลูบแต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้มันจะไม่ได้หนีหรือขู่เหมือนตอนแรก

“เมี๊ยว” เจ้าแมวหยิ่งเดินมาดมที่แผลที่ถูกแปะด้วยผ้าก็อตก่อนจะใช้ลิ้นเลียที่ข้างแผลอย่างเบาๆ ราวกับกำลังขอโทษเรื่องเมื่อกี้ ลูซี่ยกยิ้มเล็กน้อยพลางลูบหัวของมันแรงๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว

“ไม่เกลียดกันแล้วรึไงหืม”

“เมี๊ยว” แต่พอพูดไปแบบนั้นมันก็เหมือนจะรับรู้ได้ เจ้าแมวหยิ่งสะบัดหัวเพื่อจะสลัดมือของเธอที่เล่นหัวของมันราวกับกำลังบอกว่า ยังเกลียดอยู่นะแต่ตอนนี้เอาไว้ก่อน

“เรื่องมากซะจริง ไปล่ะไว้คราวหน้าเจอกันใหม่”

“เมี๊ยว”

“อือ ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวฉันจะโผล่หน้ามาให้แกเกลียดเล่นแน่ๆ” มือเรียวขยี้หัวของมันเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากร้านไปโดยที่ไม่ลืมที่จะหันไปมองมัน

“เหมือนน้องจะชอบพี่ลูซี่นะครับ” ไทม์พูดพลางยื่นหมวกกันน็อกมาให้ “ไม่หรอกค่ะ มันไม่ได้ชอบพี่แต่มันเกลียดพี่ต่างหาก”

“เอ๊ะ? เกลียดหรอครับ”

“ค่ะ แล้วดูท่าจะเกลียดพี่ขึ้นไส้เลยค่ะ” จัดการตัวเองกันเสร็จรถมอเตอร์ไซค์ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกโดยมีสายตาของเจ้าแมวหน้าหยิ่งคอยมองจนลับสายตาไป

ไทม์ขับรถมอเตอร์ไซค์ถึงบ้านของเขาซึ่งตอนแรกไทม์ก็ยืนยันว่าจะมาไปส่งที่บ้านนั่นแหละแต่ด้วยตอนนี้มันก็เที่ยงคืน แล้วอีกอย่างก็ไม่อยากให้เขาขับรถคนเดียวตอนดึกๆ เลยให้เขาขับมาที่บ้านแล้วให้คนที่บ้านขับมารับแทน

พูดคุยกันอยู่ได้แค่แป๊บเดียวรถยนต์สีดำก็ขับเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านดูท่าว่าฉันคงจะต้องกลับแล้ว

“พี่กลับก่อนนะคะ”

“ครับ กลับบ้านดีๆนะครับ” ไทม์โบกมือลาพร้อมกับส่งยิ้มแก้มป่องมาให้ “ฝันดีนะคะ แล้วก็ขอบคุณที่พาพี่ไปแว้นนะคะ”

ไทม์เบิกตาโพรงเล็กน้อยก่อนจะหัวเราออกมา “ครับ ไว้วันหลังผมพาไปแว้นอีกนะครับ”

“ค่ะพี่จะรอ”

โบกมือลาพร้อมกับก้าวขึ้นรถก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป “วันนี้เป็นไงบ้างครับ” หลังจากรถเคลื่อนตัวออกจากบ้านไทม์มาได้สักระยะ

หัวหน้าบอดี้การ์ดก็เอ่ยถาม “ก็…สนุกดีค่ะ”

“เห็นว่าไปขี่มอเตอร์ไซค์เล่นกันหรอครับ” เลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขาเอ่ยถามแบบนั้น “ค่ะ ลุคมันบอกหรอคะ”

“ถึงคุณลุคไม่บอกผมก็รู้อยู่ดีนั่นแหละครับ” ก็สมกับเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดของตระกูล ไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่องเขาก็สามารถที่จะรู้เรื่องของพวกเขาได้เป็นอย่างดี

“ค่ะ ออกไปแว้นมาค่ะ” หัวหน้าบอดี้การ์ดมองลูซี่ผ่านกระจกหลังก่อนจะหันกลับไปมองที่ถนนตามเดิม

“แปลกนะครับที่ใช้คำนี้”

“งั้นหรอคะ คงจะติดใจมั้งล่ะคะ”

“ดูท่าคุณลูซี่จะติดใจมากเลยนะครับ”

“ค่ะ ติดใจมากจนอยากจะให้มันเป็นแบบนี้ทุกๆ วันเลยค่ะ”

#นิยายวัยรุ่น #นิยายรักต่างวัย #นิยายชายหญิง #นิยายน่าอ่าน #นิยายreadwrite