14 แนวคิดจิตวิทยา เพื่อยกระดับชีวิต

วันนี้ผมมีโอกาสได้อ่านบทความเรื่อง “Psychological tricks to help you get ahead of 90% of people” โดย Alfie does Medium เมื่อแปลชื่อบทความนี้เป็นภาษาไทยจะได้ว่า “เคล็ดลับทางจิตวิทยาที่จะช่วยให้คุณก้าวไปข้างหน้ากว่าคน 90%” บทความนี้นำเสนอการปรับมุมมองความคิดเพื่อยกระดับตัวเอง ผ่านเคล็ดลับทางจิตวิทยาหลายข้อ

.

ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่บทความ Original ของ Have a good day แต่เป็นบทความที่สังเคราะห์มาจากบทความของคุณ Alfie does Medium อีกทีหนึ่ง

.

1. ไอเดียไม่สำคัญ การลงมือทำต่างหากที่สำคัญ

แน่นอนว่าก่อนลงมือทำสิ่งใดก็ตามแต่ เราต่างต้องมีไอเดียและแผนการ เพื่อให้การลงมือทำเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด อย่างไรก็ตาม ควรรู้ตัวเองด้วยว่าเมื่อไหร่ที่ควรหยุดวางแผนแล้วเริ่มลงมือทำ หลายครั้งเราวางแผนและวางแผนจนลืมขั้นตอนสำคัญอย่างการลงมือทำ แย่ที่สุดอาจเกิดอาการกลัว วางแผนแล้วก็ว่าเมื่อลงมือทำจะต้องเกิดผลร้ายตามมาจึงเลิกไปเสีย ฉะนั้น ข้อนี้ไม่ได้ห้ามมีไอเดียหรือการวางแผน แต่ควรรู้ด้วยว่าสิ่งสำคัญไม่แพ้กับแผนในหัวคือการลงมือปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม

.

“The way to get started is to quit talking and begin doing.” - Walt Disney

.

2. อย่าสนใจคนที่ดูถูกคุณ

คุณจะไม่มีวันมีความสุขหรือยืนหยัดด้วยลำแข้งของคุณอย่างแท้จริงได้เลยหากคุณต้องรอให้คนรอบข้างเป็นผู้ให้คำยินยอมเหล่านั้นแก่คุณ คุณคือคุณ ไม่มีใครสามารถกำหนดคุณได้นอกจากตัวคุณเอง คุณเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดความหมายและการกระทำต่างๆ ในชีวิตของคุณ ฉะนั้น หากมีใครบอกว่า “แกมัน…..” ก็อย่าได้ใส่ใจหรือจมปลักกับคำพูดเหล่านั้น ไม่แน่ คำดูถูกเหล่านั้นอาจเป็นสิ่งที่คนเหล่านั้นเป็นอยู่และต้องการดึงคุณลงไปอยู่จุดเดียวกับพวกเขา

.

“No one can make you feel inferior without your consent.” - Eleanor Roosevelt

.

3. เวลาเป็นของคุณ ให้ความสำคัญกับมัน และจงให้มันเฉพาะกับคนที่ให้ความสำคัญกับเวลาของคุณ

สิ่งที่เท่าเทียมที่สุดในชีวิตของมนุษย์เรานอกจากอากาศที่ใช้หายใจแล้วก็เห็นจะเป็น ‘เวลา’ เวลาซื่อตรง เวลาเท่าเทียม มันไม่เลือกเพศ ไม่เลือกอายุ ไม่เลือกสถานะ เวลาไม่เลือกปฏับัติ คุณต่างหากที่เลือกจะปฏิบัติต่อเวลาที่คุณมีอย่างไร หากที่ผ่านมาคุณใช้เวลาไปกับการจมอยู่แต่ห้องสี่เหลี่ยมและมันฝรั่งทอดกรอบทุกมื้ออาหาร นั่นก็คือสิ่งที่คุณเลือกปฏิบัติต่อเวลา คุณเลือกจะ ‘เผา’ มัน แต่หากวันนี้คุณ ‘ใช้’ มันไปกับงาน หนังสือ สื่อที่ให้ความรู้ ออกกำลังกาย ตลอดจนการพาตัวเองไปอยู่กับสังคมที่ดี นั่นก็คือสิ่งที่คุณเลือกปฏิบัติต่อเวลา คุณรู้อยู่แก่ใจว่าระยะยาวอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

.

“Your time is limited, so don't waste it living someone else's life.” - Steve Jobs

.

4. ทุกวินาทีที่ใช้ไปในการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเป็นเวลาที่เสียไป

อย่างที่ได้กล่าวไปในข้อที่ 3 เวลาเป็นของคุณ คุณคือผู้ที่เลือกว่าจะปฏิบัติต่อเวลาของคุณอย่างไร และจำไว้ว่า “จงให้มันเฉพาะกับคนที่ให้ความสำคัญกับเวลาของคุณ” หากคนเหล่านั้นโจมตีคุณด้วยคำพูดหรือคำดูถูก อย่าได้ใส่ใจ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณให้ความสำคัญกับมัน เท่ากับว่าคุณเผาเวลาของตัวเองไปกับคำดูถูกของคนอื่น

.

“Comparison is the thief of joy.” - Theodore Roosevelt

.

5. ยิ้มบ่อยๆ

การยิ้มไม่ได้มีข้อเสียแต่อย่างใดเลย โดยเฉพาะเราคนไทยที่เคยชินกับวัฒนธรรมการยิ้มอยู่แล้ว สังเกตว่าทำไมชาวต่างชาติจึงรู้สึกประทับใจและจดจำเป็นภาพจำว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุขทั้งที่ลึกๆ อาจไม่ใช่ก็ได้ แต่เพราะผู้ที่ได้พบเห็นรอยยิ้มจากบุคคลใดก็แล้วแต่ พวกเขามักมีความเชื่อว่าคนเหล่านั้นยิ้มเพราะมีความสุข แล้วความสุขนี้เองจึงดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามา หรือต่อให้คุณไม่มีความสุข อยู่ในอารมณ์ไม่ดี การยิ้มออกมาก็ช่วยเพิ่มสารความสุขในสมอง ส่งผลให้เกิดความรู้สึกดีๆ ได้แม้เวลานั้นคุณจะไม่มีความสุขก็ตาม

.

“Peace begins with a smile.” - Mother Teresa

.

6. “ความอดทน กับ การเสียเวลา” ไม่เหมือนกัน

การอดทน คือ การรอโดยมีความเชื่อว่ามีสิ่งที่ดีรออยู่ปลายทางข้างหน้า หรือเห็นโอกาสว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น อดทนฝึกฝนร่างกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ อดทนฝึกภาษาหรือทักษะใหม่ เป็นต้น ขณะที่การเสียเวลา คือ การจมอยู่กับสิ่งที่อึดอัดและบั่นทอดกำลังใจ หาสิ่งที่ดีตรงปลายทางไม่ได้ หรือตอบไม่ได้ว่าจะมีสิ่งใดรออยู่กันแน่ ตัวอย่างเช่น การใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลื่อนดูโซเชียลมีเดียโดยไม่มีจุดหมาย เป็นต้น

.

“Patience is not simply the ability to wait - it's how we behave while we're waiting.” - Joyce Meyer

.

7. คุณใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่ในหัวของคุณ ทำให้มันเป็นสถานที่ที่ดีที่จะอยู่

คุณคือคุณ การเปิดประตูรับเอาสิ่งไม่ดีเข้ามาในชีวิตคุณไม่ได้ส่งผลดีต่อคุณแต่อย่างใด ซ้ำยังทำให้จิตใจของคุณย้ำแย่เสียด้วยซ้ำ ยิ่งคุณเก็บเอาคำพูดหรือคำดูถูกของคนอื่นมาคิดก็ยิ่งทำให้ความคิดของคุณถูกใช้ไปกับเรื่องไม่ดีมากขึ้น จนอาจบดบังพื้นที่ของความคิดดีๆ หรือไอเดียดีๆ ที่ควรจะเกิดขึ้นในหัวของคุณได้

.

“The mind is everything. What you think you become.” - Buddha

.

8. คุณต้องเชื่อในตัวเองก่อนที่คนอื่นจะเชื่อ

ลงมือทำด้วยความมั่นใจ สำคัญฉันท์ใด การเชื่อมั่นในตัวเองก่อนก็สำคัญฉันท์นั้น เมื่อคุณมั่นใจในตัวเอง ก็เท่ากับว่าไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดคุณได้แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องร้องขอการรับรองจากใด ไม่จำเป็นต้องขอให้ใครเชื่อในสิ่งที่คุณจะทำ คุณเชื่อในตัวคุณและจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อสิ่งที่คุณเชื่อด้วยตัวคุณเอง

.

“Believe you can and you're halfway there.” - Theodore Roosevelt

.

9. หากคุณหาคนดีไม่ได้ ก็เป็นคนดีเสียเอง

อย่าพยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองว่า

“เพราะมีแต่คนไม่ดี ฉันจึงเป็นคนแบบนี้”

“เพราะสังคมรอบข้างฉันเป็นแบบนี้ ฉันจึงไม่พัฒนา”

“เพราะ…”

การเป็นคนดีไม่มีอะไรเสียหายเลย กลัวที่จะทำดีต่างหากที่เสียหาย หากรอบตัวคุณรายล้อมไปด้วยคนเห็นแก่ตัว คุณก็จงเป็นคนเอื้อเฟื้อ หากรอบตัวคุณรายล้อมไปด้วยคนอารมณ์ร้อน คุณก็จงเป็นคนใจเย็น หากรอบตัวคุณรายล้อมไปด้วยคนชอบนินทา คุณก็จงอย่าเสวนาร่วมกับพวกเขา

.

“Be the change that you wish to see in the world.” - Mahatma Gandhi

.

10. ตั้งคำถามทุกอย่าง

Steve Jobs ตั้งคำถามว่า “ทำไมเราถึงทำแบบนี้?” และ “มีวิธีที่ดีกว่านี้ไหม?” นั่นคือจุดเริ่มต้นให้ Apple เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ดีที่สุดทั้งด้านเทคโนโลยีควบคู่ไปกับดีไซน์

Elon Musk ตั้งคำถามว่า “ทำไมเราถึงไม่สามารถสร้างจรวดที่ใช้ซ้ำได้?” และ “ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าถึงไม่สามารถเป็นสิ่งที่ทุกคนใช้ได้?” นั่นคือจุดเริ่มต้นของ SpaceX และ Tesla

แม้ข้อที่ 1 จะบอกให้ลงมือทำ ให้เห็นความสำคัญของการลงมือทำ แต่ข้อ 10 ขอเน้นย้ำว่าก่อนจะเกิดการลงมือทำ ก่อนที่ความสำเร็จจะงอกเงยได้ ทุกอย่างล้วนเริ่มต้นจากการตั้งคำถาม ล้วนเริ่มต้นจากความสงสัยใคร่รู้ของมนุษย์ จงเป็นคนช่างสงสัย ช่างสังเกต ชอบตั้งคำถามและหาคำตอบ จงกระหายที่จะสงสัยเพื่อหาคำตอบตลอดเวลา

.

“The important thing is not to stop questioning. Curiosity has its own reason for existence.” - Albert Einstein

.

11. ชีวิตที่คุณประสบเป็นเพียงการสะท้อนของทัศนคติของคุณ

ตอนเป็นเด็กผมชอบหงุดหงิดทุกครั้งที่แม่พูดว่า “เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ก็แล้วไป อารมณ์เสียใส่แล้วได้อะไรขึ้นมา” ตอนนั้นผมไม่เคยเข้าใจประโยคนี้เลยจนกระทั่งวันนี้

ลองนึกภาพเหตุการณ์ “คุณในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหม่เดินออกจากร้านกาแฟแล้วถูกคนบริเวณนั้นเดินชนจนกาแฟหกใส่เสื้อเชิ้ต” สิ่งแรกที่คุณจะทำคืออะไร? คุณต้องโกรธคนที่เดินชนคุณ ต่อว่าเขาด้วยท่าทีโมโหใหญ่โตพร้อมพ่นคำสบถมากมาย คนแถวนั้นที่ผ่านไปมาจะหันมามองคุณที่กำลังต่อว่าคนที่เดินชนคุณ หรือเหตุการณ์อาจแย่ยิ่งกว่าคืออีกฝ่ายไม่ยอมคุณ เกิดการลงไม้ลงมือจนบาดเจ็บ กลับกัน หากใจเย็นและตอบโต้เหตุการณ์ด้วยสติ คุณอาจต่อว่าอีกฝ่ายด้วยท่าทีเป็นมิตร โกรธได้แต่ไม่รุนแรง คุณอาจขอโทษอีกฝ่ายที่คุณเป็นฝ่ายไม่ระวังและแสดงท่าทีเป็นห่วงอีกฝ่ายด้วย จากเหตุการณ์หลังนี้เอง นอกจากจะลดความขัดแย้งลงได้ ยังช่วยให้คุณและคนรอบข้างมองคุณในแง่ดีอีกด้วย

.

“Life is 10% what happens to us and 90% how we react to it.” - Charles R. Swindoll

.

12. ความสม่ำเสมอดีกว่าความเข้มข้นรวดเดียว

เมื่อผมซ้อมวิ่ง มักมีหลายครั้งที่คนรอบข้างมักถามผมว่า “ทำไมวิ่งน้อยจัง?” “ทำไมไม่วิ่งนานๆ?” “ทำไมไม่วิ่งจนดึกแบบพี่คนนั้น?”

คำตอบคือ ผมมีตารางการซ้อมของผม ผมชัดเจนในตารางซ้อมของผม และผมสม่ำเสมอต่อมัน ผมอาจวิ่งวันละ 10 กิโลเมตร แต่ผมวิ่ง(เกือบ)ทุกวัน ไม่ได้วิ่ง 20 กิโลเมตรในหนึ่งวันแล้วทีเหลือของสัปดาห์นอนเป็นผักปลาบนเตียง

ความสม่ำเสมอและวินัยจะทำให้คุณเป็นอิสระ นั่นคือสิ่งที่ผมเชื่อเสมอมา

.

“Success is the sum of small efforts, repeated day-in and day-out.” - Robert Collier

.

13. รักษามาตรฐานของคุณให้สูง อย่าพอใจกับสิ่งที่มีเพียงเพราะมันหาง่าย

ตอนมัธยมปลาย เพื่อนคนหนึ่งเคยสอนบทเรียนหนึ่งให้กับผมคือ “อะไรที่ได้มาง่ายๆ ก็จะเสียมันไปง่าย” เรียบง่ายและสั้น กระชับแต่ตราตรึงในใจผมจนวันนี้

ความจริงหนึ่งที่โลกใบนี้สอนเราเสมอมอคือ “ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ” คุณต้องผ่านบททดสอบ ความอดทน ความล้มเหลว ก่อนที่คุณจะได้สิ่งที่คุณหวัง คุณย่อมต้องจ่ายอะไรเพื่อเป็นต้นทุนให้แก่มัน เช่น เงิน เวลา แรงกายและแรงใจ หากวันนี้มีคนเสนอเงินให้คุณล้านล้านล้านล้านบาท เพื่อแลกกับสุขภาพของคุณ คุณจะยอมให้เขาไหม สุขภาพที่คุณหมั่นสร้าง หมั่นดูแล คุณจะยกมันให้คนอื่นไปง่ายๆ หรือไม่

.

“Never settle for anything less than your best.” - Brian Tracy

.

14. ยอมรับในตัวตนของคนอื่นอย่างที่พวกเขาเป็น

คุณเชื่อมั่นในตัวคุณ คุณปฏิเสธไม่ให้ใครมาลดทอนตัวคุณได้ เช่นเดียวกัน คุณก็ควรจะยอมรับและเชื่อมั่นตัวตนของคนอื่นอย่างที่พวกเขาเป็นด้วย ต่อให้คุณจะดีแค่ไหน จะยิ่งใหญ่เพียงใด คุณก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินหรือตีตราคุณค่าของใครด้วยกรอบความคิดหรือความเชื่อส่วนตัวของคุณ เพราะทุกคนมีความคิดหรือความเชื่อเป็นของตัวเอง มีตัวตนเฉพาะที่เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น หากคุณไม่ชอบหรือยอมรับพวกเขาไม่ได้ ก็แค่ถอยออกมา อย่าได้ไปกดดันใครเพื่อให้เขาหรือเธอเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคุณ เช่นที่คุณไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนแปลงตัวตนที่คุณเป็น

.

“When someone shows you who they are, believe them the first time.” - Maya Angelou

.

Have a good day kub

#จิตวิทยาพัฒนาตนเอง #พัฒนาตัวเอง #พัฒนาตนเอง #เคล็ดลับพัฒนาตัวเอง #howtoพัฒนาตัวเอง #บทความพัฒนาตัวเอง