นั่งรถไฟไปมาเลเซียฉบับคนมีเวลา 2024

‼️ *การเดินทางฉบับย่อ*

• นั่งรถไฟตู้นอนชั้น2 จากกรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์(ฝั่งมาเล) ~17ชม.

• นั่งรถไฟ ETS จากปาดังเบซาร์-Kl Sentral ~6ชม.

• ตม.ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร แนะนำว่าให้เผื่อเวลาตอนซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองดีๆ * เวลามาเลเซียเร็วกว่าไทย 1ชม.

• ควรกรอก MDAC ภายในสามวันเดินทาง (ถ้าเดินทางถึงมาเลวันที่9 ก็ควรกรอกภายในวันที่ 7-9 ค่ะ)

• แกร็บเรียกง่ายมาก มีเยอะสุดๆ ราคาไม่แรงมาก ใช้แอปเดียวกับไทยเลยค่ะ สามารถตัดบัตรเดบิต/เครดิตในแอปได้เลย

• ถ้าจะนั่งรถไฟฟ้าที่มีการเปลี่ยนสายให้ลองดูดีๆนะคะเพราะบางสถานีมันไม่เชื่อมกัน ถ้าไม่แน่ใจให้ลองถามเจ้าหน้าที่ดูก่อนจะดีกว่าค่ะ

‼️*ฉบับเล่าไปเรื่อย*

DAY 1&2📍: เราขึ้นรถไฟตู้นอนจากกรุงเทพ-ปาดังเบซาร์(ฝั่งมาเล) นั่งยาวๆ 17ชม.ไปเล้ยยย พอถึงปาดังเบซาร์จะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกทางเข้าคิวตรวจตม.ให้ค่ะ โดยเริ่มจากตม.ไทยก่อน พอผ่านตม.ไทยแล้วเดินไปเข้าคิวตรวจตม.มาเลเซียต่อเลยค่ะ พอผ่านด่านตม.มาเลมาได้แล้วเราก็ขึ้นมาชั้นบนเพื่อมารอขึ้นรถไฟไปมาเลเซียกัน!

👀 สำหรับการซื้อตั๋วรถไฟไปกัวลาลัมเปอร์ เราซื้อผ่านเว็บ https://online.ktmb.com แนะนำว่าซื้อล่วงหน้าไว้ก็ดีนะคะ ขอรีวิวว่ารถไฟมาเลเซียสะอาด นั่งสบาย อาหารก็อร่อย แต่น้ำเปล่าแพงไปหน่อย ห้องน้ำก็โอเคเลยค่ะ เรานั่งรถไฟจากปาดังเบซาร์มาลงที่ Kl Sentral ใช้เวลาประมาณ 6ชม.กว่าๆก็ถึง พอถึงเราก็เรียกแกร็บไปโรงแรมต่อเลยทันที พอเช็คอินเสร็จเราก็ออกไปหาอะไรกินต่อ สรุปจบที่หม้อไฟที่ร้าน Da Long Yi สาขา bukit bintang ร้านค่อนข้าง private มีโต๊ะไม่เยอะ พนักงานบริการดี แถมรสชาติน้ำซุปก็อร่อยถูกปากคนไทยแน่นอนค่ะ ถ้าใครไปก็อยากให้ไปลองนะคะ

DAY 3📍: เริ่มวันที่สามของทริปกับเช้านี้ที่ฝนตก ตอนเช้าถึงบ่ายเราเลยเลือกอยู่ห้องถ่ายรูปเล่นกับเพื่อนวนไป พอฝนหยุดเรากับเพื่อนก็เลยตัดสินใจออกไปเดินเล่นแถว china town แน่นอนว่าไปถึงร้านเขาก็ปิดหมดแล้ว แต่ไม่เป็นไรเราเน้นเดินเอาฟีลพอ เดินไปเดินมารู้สึกเหนื่อยก็แวะร้านขนมร้านนึงซึ่งร้านเขาสวย แถมบิงซูที่สั่งมาก็รสชาติโอเคเลย ตอนนั้นรู้สึกถูกเยียวยาสุดๆ นั่งไปสักพักเริ่มหิวของคาว เราเลยตัดสินใจไปกินร้านหมี่ชื่อดังที่คนรีวิวเยอะมากว่าไม่ควรพลาด ร้านนั้นก็คือ Mee Tarik ซึ่งมันอร่อยมากจริงๆค่ะทุกคน เส้นนุ่มรสชาติกลมกล่อม น้ำซุปก็เลิศ ทุกอย่างลงตัว อร่อยถูกปากคนไทยอย่างเราแน่นอน 🥹 พออิ่มท้อง เราแวะไปดูตึกแฝด บอกได้เลยว่าของจริงสวยมากกกก เท่าที่เราสังเกตกัวลาลัมเปอร์เป็นเมืองที่จัดไฟสวยทุกตึกเลยก็ว่าได้ค่ะ

Day 4 📍: เช้าวันนี้พวกเราตัดสินใจไป Genting Highlands ค่ะ สำหรับคนไม่อยากนั่งรถทัวร์แบบเราแนะนำแกร็บไปเลย ราคาก็เกือบๆพัน(แล้วแต่เวลานะคะ ถ้าช่วงรถเยอะก็แพงหน่อย+ถ้าที่พักไกลก็อาจจะมากกว่านั้น) จากที่พักของเรา(แถว Ampang Park) ไปเกนติ้งใช้เวลาไม่ถึงชม.ก็ถึงแล้วค่ะ แนะนำว่าให้พกเสื้อกันหนาวไปเผื่อสักตัวนะคะเพราะข้างบนอากาศเย็นมาก ตอนเราไปคือประมาณ19องศา เราไม่ได้เข้าสวนสนุกนะคะ เน้นไปเอาบรรยากาศและกินหม้อไฟร้านดัง ซึ่งเราค้นพบว่ามันไม่ค่อยถูกปากเราเท่าร้านวันที่สองที่เราไปกินเลย รวมๆก็โอเคเลยค่ะเพราะพนักงานบริการดี แถมยังพูดไทยได้นิดหน่อยอีกด้วย พอเสร็จเราก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรมสักหน่อย เย็นๆก็ออกไปเดินเล่นที่ Pavillion Mall แน่นอนว่าต้องแวะป็อปมาร์ท ราคาพอๆกับไทยเลย จากนั้นก็ไปหาอะไรกินที่ Jalan Alor Food Street ต่อค่ะ ฟีลเหมือนเยาวราช-ข้าวสารเลย คนเยอะ ร้านเยอะมาก เราเลือกสุ่มๆเข้าไปนั่ง อาหารก็รสชาติโอเค แต่เราลืมชื่อร้านㅠㅠ จะบอกว่าตรงโซนนั้นรถค่อนข้างติดเลย แนะนำให้เดินออกมาเรียกแกร็บโซนข้างนอกเอานะคะ แต่เรากับเพื่อนเลือกที่จะนั่งรถไฟฟ้าเพราะอยากใช้เหรียญที่มีให้หมด สรุปจบที่หลงทาง เพราะรถไฟฟ้าบางสถานีก็ไม่ได้เชื่อมกัน เจ้าหน้าที่ก็ไม่ช่วยแนะนำอะไรเลยค่ะ แต่เรารอดมาได้เพราะไปเจอเจ้าหน้าที่อีกสถานีที่ใจดีช่วยบอกทางให้ และแล้วเราก็มาถึง Saloma Bridge ของจริงคือสวยตาแตกมากๆค่ะ แต่จะบอกว่าให้มาก่อนเที่ยงคืนนะคะ เพราะที่นี่เขาปิดไฟตรงเวลามาก จบวันสุดท้ายในมาเลเซียของเราได้สวยงามและเหนื่อยมากค่ะ

Day 5&6 📍: เช้าวันที่ห้า เรากลับไทยด้วยรถไฟเหมือนเดิมเลยค่ะ ขึ้นที่ Kl Sentral มาลงปาดังเบซาร์ จากนั้นก็ต่อรถไฟตู้นอนกลับไทยยาวๆ ถึงเช้าวันที่6 ถือเป็นการปิดจบทริปที่เหนื่อยเอาเรื่องเลย สำหรับเราเราไม่ค่อยประทับใจรถไฟของไทยเราเท่าไหร่เลย ครั้งแรกและครั้งเดียวพอค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ 🙏🏻