🇲🇾 รีวิว ทำงานที่มาเลเซีย~ 🩵⚡️🖥️

สวัสดีค่าา หลังจากหายไปทำงานที่มาเลเซียมา 9 เดือน! ตอนนี้กลับมาไทยแล้วจะมารีวิวการหางาน เงินเดือน การใช้ชีวิต ในฐานะ Expat ที่ประเทศมาเลเซีย!

🔵 หางาน : เราหางานจาก keyword “job Thai speaker” ในแอพหางาน และ LinkedIn อันไหนเปิดรับ ประเทศไหนก็ได้ ก็สมัครหมดเลยค่ะ

🔵สัมภาษณ์ : สัมภาษณ์ออนไลน์ เป็นภาษาอังกฤษ ติดต่อคุยผ่าน WhatsApp / Email เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เรามีสัมทั้งหมด 2 รอบ รอบแรกกับทาง HR คนไทยที่มาเลเซียและรอบที่2 กับทีมที่เราจะเข้าไปทำงาน เป็นชาวต่างชาติค่ะ (ไม่ได้มีขอผลสอบภาษาอังกฤษ น่าจะวัดจากการพูดคุยตอนสัมภาษณ์)

🔵เตรียมเอกสาร : บริษัทจะให้เราเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ่า คือเราเตรียม และทางบริษัทจะยื่นให้ ทุกอย่างดำเนินการผ่านอีเมล์ ถ้ามีอะไรต้องการสอบถาม สามารถคุยกับ HR ผ่าน WhatsApp ก็ได้เช่นกันค่ะ

🔵เดินทาง : หลังจากวีซ่าผ่าน ทางบริษัทจะจองตั๋วให้ค่ะ พร้อมโรงแรม 30 วัน และรถรับส่งจากสนามบินไปโรงแรมค่ะ

🔵ที่พัก : ในช่วง 30 วันแรก ทางบริษัทจะให้พักโรงแรมฟรีค่ะ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ฟรีอาหารเช้า (แต่เรากินแค่ 2-3 ครั้ง เพราะไม่อร่อยเลย) พอหมดช่วง 30 วัน เราหาอพาร์ทเม่นได้ที่เดือนละ 900 ริง รวมค่าน้ำไฟเน็ต ตกเดือนละ 1100 ริง/เดือน

🔵งาน : บริษัทของเรา เป็นบริษัท BPO งานที่เราได้จะเป็น inside sales ค่ะ ก็คือเป็นงานขายลูกค้า inbound เป็นการโทรหาลูกค้าที่มีการส่ง inquiry เข้ามา ไม่ต้องออกไปหาลูกค้า การสื่อสารเกือบ 90% ในออฟฟิศเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนอีก 10% เป็นภาษาไทยกับเพื่อนคนไทยที่ไปพร้อมกันค่ะ (ไม่รู้จักกันมาก่อน)

การทำงานที่นี่ ของเราไม่มี overtime ไม่มีการขอให้ทำงายเกินเวลา ถ้าคุณเมเนจงานดี ทำงานเรียบร้อย ถึงเวลาเลิกงานคือ clock out แล้วกลับได้เลย ทีมเราคือแข่งกันเลยว่าใครเก็บของออกจากออฟฟิศไวสุด

🔵สังคม : ต้องบอกเลยว่า เพื่อนร่วมงานดีมากกก มีจากหลายประเทศเลยค่ะ ทั้งคนมาเลย์ ไทย อินเดีย จีน ฟิลิปปินส์ คือดีงามมาก สังคมดี ไม่ toxic เลยยย แต่เราไม่ค่อยชอบออกไปไหน เลยไม่ค่อยได้ hangout นอกรอบกับคนอื่นเท่าไหร่ค่ะ

🔵การกิน : *คหสต* เราไม่ชอบอาหารมาเลย์เลยยยย เราจะกินจากร้านตามสั่งใกล้คอนโด ฟีลคนมาเลย์ที่พูดไทยได้ ทำอาหารไทยได้ ก็กินผัดกระเพราวนไป ถ้าเบื่อก็กิน Nasi Goreng , Guayteaw Goreng ที่ง่ายๆ คนไม่กินเผ็ด ต้องคอยบอกนะคะ เพราะที่มาเล ทุกอย่างคือใส่พริกมาให้! ร้านอาหสแล้วก็รทั่วไปที่นี่จะราคาอยู่ที่ประมาณ 8-13ริง แต่ถ้ากินร้านในห้าง อาจจะอยู่ที่ 16-25 ริงค่ะ แล้วก็มีร้านหมูกะทะ เป็นบุฟเฟ่ตอนนี้หัวละ 44.9 ริงต่อหัว อร่อยเลย ชื่อร้าน Jing-O เจ้าของคนไทยค่ะ เคยรีวิวใน Google Map ด้วย 5555

🔵ที่เที่ยว : สายคาเฟ่น่าจะชอบ ขนมอร่อยเยอะ เราชอบร้าน Tommy Le Baker ที่สุด กับร้าน Cendol ที่ food court ใน Genting Highland

🔵รายได้ : เยอะกว่าไทย แต่ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ด้วย อันนี้คิดดีๆตกลงดีๆก่อนมา และช่วง 6 เดือนแรกของทุกปี policy บริษัทเราจะหัก 30% ของเงินเดือนไว้ส่งภาษี แล้วเดือนที่ 7เป็นต้นไปได้เต็ม ภาษีที่หัก เราขอเงินคืนได้ในปีถัดไป ได้คืนมาประมาณครึ่งนึงของที่โดนหักไปค่ะ

🔵การเดินทาง : สะดวกมากกกกก ต้องบอกก่อนว่า KL เล็กกว่า BKK 6 เท่า! เพราะฉะนั้นเราจะรู้สึกว่าการเดินทางมันง่าย ค่ารถไฟออกไปถึง ShaAlam ประมาณ 20สถานี แค่ 5-6 ริงเองค่ะ ค่ารถไฟไปทำงานประมาณ 6 สถานี เที่ยวละ 2.3 ริง

แกรปถูกมากกกกก ช่วงหลังๆเราเปลี่ยน shift มาทำงานเช้าขึ้น ตื่นไม่ไหว เลยเรียกแกรป ตอนเช้า 6:40น. ไปออฟฟิศ เที่ยวละ 9-11 ริง ขากลับก็นั่งรถไฟกลับ

🔵เที่ยว : ที่เที่ยวน้อย ในความคิดเรา แต่มีอะไรให้ดู เหมาะกับการมาเที่ยวสัก 5-7 วัน ครบเก็บหมดทั้งประเทศแน่นอน ถ้าเช่ารถขับเที่ยว เช่ารถไม่แพง ค่าน้ำมันถูกมากกกกก ค่า highway ยังแพงกว่าอ่ะ 5555 ขับรถไป Penang 4 ชั่งโมง เติมน้ำมัน 30 ริง แต่ค่าทางด่วน 33ริง

🔵ขับรถ : ถ้าขับรถไม่แข็ง ไม่แนะนำให้เช่ารถขับ คนมาเลขับรถแบบ แย่มากกกก ขับเร็ว ขับจี้ แบบจี้!!!!! เปิดไฟสูง ไม่เปิดไฟเลี้ยวงี้ คนใจเย็นๆ มาขับรถที่มาเลก็เดือดได้ เชื่อเรา

🔵สภาพแวดล้อม : ต้องบอกว่าเรา enjoy กับชีวิตในมาเลมากกก อากาศดีกว่า เดินเล่นได้ ต้นไม้เยอะ รู้สึกชิล แต่คนใจร้อนมาอยู่นี่ต้องใจเย็นๆนะ คนที่นี่สโลวไลฟ์มาก service mind น้อยมาก พนักงานตามร้านน้ำร้ายอาหารทำอะไรช้ามาก

เอาเป็นว่าเต็ม 10 เราให้ 8 เลย ใครอยากลองใช้ชีวิตต่างแดนก็ลองดูค่ะ ✨✨

#ติดเทรนด์ #ไปต่างประเทศ #มาเลเซีย #คนไทยในต่างแดน #expat