รีวิวชีวิต หมอเอกชน sub-board

สวัสดี เราชื่อส้ม 🍊 หมอ ทางเดินอาหารและตับเด็ก ประจำโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม

วันนี้เรามารีวิวชีวิตหมอเอกชน subboard กันค่ะ

🍊1. รายได้ : คิดว่าคือสิ่งที่ทุกคนอยากรู้มากที่สุด

เราเห็นมี เขียนตาม internet บ่อยๆ เรื่องรายได้หมอเอกชน 250,000-300,000 คือมันไม่ได้เว่อขนาดนั้นนะคะ ขึ้นกับ รพ. ที่ทำงานและ สาขาที่ทำด้วย

แต่จากที่สำรวจมา จากเพื่อนๆ แพทย์ sub-board สาขาอื่น ,รพ อื่น ในช่วงในปีแรกๆ เนื่องจากพึ่งมาทำงานคนไข้ประจำจะยังไม่เยอะ ทางรพ จะมีสิ่งที่ให้เรียกว่า ค่าการันตีเงินเดือน เรทประมาณ 180,000-250,000 แล้วแต่ตกลงกันค่ะ หลังจากเมื่อหมดช่วงการัยตีเงินเดือน นั้น รายได้ที่ทำก็จะได้มากน้อยตาม ปริมาณงานที่ทำได้เรียกว่า DF ( Doctor free ) ส่วนสวัสดิ์การอื่นๆ ก็ตามที่ตกลงกับทาง รพ ค่ะ

ในส่วนรายได้ แพทย์ GP , general board fulltime เอกชน อันนี้ไม่ขอกล่าวถึงละกันเพราะ เราก็ไม่เคยอยู่ในจุดๆ นั้นมาก่อน

🍊2. วิถีชีวิตและการทำงาน

การทำงานเอกชน ถือว่าค่อนข้างสบายเมื่อเทียบกับหมอ รพ.รัฐค่ะ แต่ความกดดัน ก็คนละแบบ และยังมีเรื่องความคาดหวังจากผู้ป่วย ซึ่งเขาก็หวังจะได้รับการให้บริการ อย่าง premium และดีที่สุด พวกเราตั้งใจรักษาทุกคนเปรียบเสมือน ญาติ ของเราเลยค่ะ 🤩✨✨

การเป็นหมอ sub-board หน้าที่หลักก็คือการตรวจเคส general ค่ะเช่น เราเป็นหมอทางเดินอาหารและตับเด็ก หน้าที่หลักก็คือการตรวจโรคเด็กทั่วไป เช่น ไข้หวัด ไอน้ำมูก ท้องเสีย

และ หน้าที่เสริมคือการรับ consult และตรวจ clinic พิเศษที่เกี่ยวกับ subspecial ของเราค่ะ

ในแต่ละวัน ก็จะมีการไปเยื่อมผู้ป่วยที่หอผู้ป่วย ออกตรวจเคส OPD, รับ consult โดยเมื่อว่างจากงานที่ทำ ก็สามารถพักผ่อนในห้องพักแพทย์ได้ค่ะ เรียกได้ว่ามี สิ่งอำนวยความสะดวกครบเลย ตั้งแต่ ทีวี เครื่องกรองอากาศ ไมโครเวฟ หม้อต้มชาบู🤤🤤 และยังมีคาเฟ่อร่อยๆ ใน รพ. แล้วก็หลายๆ รพ มักจะมีข้าวเที่ยงให้บุคคลากรกินฟรี ด้วยในแต่ละสัปดหา์ ✨✨

ในส่วนเรื่องของเวรกลางคืนของเราไม่มีค่ะ ขึ้นกับการตกลงของแพทย์แต่ละ รพ ด้วย 😊😊

🍊3. สมัครเข้ายากมั้ย

ต้องบอกก่อนว่าเดี๋ยวนี้มีการผลิตหมอออกมาเยอะมาก ดังนั้นการหาที่ทำงานก็แข่งขันกันค่อนข้างสูง หลายๆคนเรียนจบแพทย์ 6 ปีแล้วก็เลือกที่จะเรียนต่อ เฉพาะทางกัน ดังนั้นการหาตำแหน่งงานในอำเภอเมือง และ โดยเฉพาะ กรุงเทพและปริมณฑล ก็จะยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่การมีประวัติการทำงานที่ดี ( เวลาสมัครงานมักต้องใช้ใบ recommend จาก อาจารย์ โรงเรียนแพทย์ที่เคยร่วมงาน ) และ การเรียนลึกลงไป เช่น sub-board จะทำให้เราหางานได้ง่ายขึ้นค่ะ 😊😊

🍊4. วางแผนทางการเงินยังไง

ส้มเชื่อว่าทุกๆคน ไม่ว่าจะรายได้ต่อเดือน หลักหมื่น ไปจนคนที่มีรายได้หลักล้านต่อเดือน ทุกคนควรมีการวางแผนทางการเงินที่ดีค่ะ หลายๆ คนที่ทำงานเอกชน ไม่ได้ทำงานรัฐบาล ถึงแม้จะได้ค่าตอบแทนที่มากกว่า แต่ต้องคำนึงว่าความมั่นคงระยะยาวนั้นน้อยกว่า รัฐบาลค่ะ เราไม่มีทางทราบได้ว่า อนาคตจะเกิดอะไร จะป่วยจนทำงานไม่ได้มั้ย เราจึงควรมีการวางแผนทางการเงิน ไม่ใช่ว่าพอมีเงินแล้วเอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอย่างเดียว 💸💸

- มีส่วนที่เก็บไว้สำรองใช้ยามฉุกเฉิน สามารถนำเงินออกมาใช้ได้ทุกเมื่อ

- ซื้อประกันชีวิต + ประกันสุขภาพ ตามราคาที่เหมาะสมกับรายได้ของเรา นอกจากเราจะไม่ต้องกังวลว่าเวลาเจ็บป่วยไม่มีเงินมาจ่ายค่ารักษาแล้ว เรายังสามารถ ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วยค่ะ 😊😊

- มีส่วนที่เก็บออมไว้ในธนาคาร

- มีส่วนที่เอามาลงทุนค่ะ เพราะหากเราเก็บเงินไว้ในธนาคารอย่างเดียว อีกหลายๆปีเงินของเรา จะเสียมูลค่าลงเพราะสิ่งที่เรียกว่าเงินเฟ้อ

ส้มเลือกที่จะลงทุนในหลายๆอย่างเพื่อกระจายความเสี่ยงค่ะ

ทั้งใน กองทุน หุ้น หุ้นกู้ และ ได้ตัดสินใจทำแบรนด์เสื้อของตัวเองค่ะ เนื่องจากค่อนข้างมีปัญหา ว่าไม่มีเสื้อผ้าสไตล์ที่อยากได้และสั่งมามักไม่ตรงปก

จึงเกินเป็นแบรนด์ สวยหวานสไตล์ลูกคุณหนู ดูดีไม่โป๊ น้องใหม่

ตัดเย็บประณีต ตรงปก citruscandy.official

มี store วางขายทั้ง ig, FB, shopee นะคะ ทำจากใจเลยฝากติดตามด้วยนะคะ

📍พิกัดร้านโปรด:

Shopee : https://shp.ee/32rcr9m

ig:https://www.instagram.com/citruscandy.official?igsh=MXJiaTBtNnI4bWhkOA==

💸💸 ส่วนเงินที่เหลือ เราสามารถมาซื้อความสุขเล็กๆน้อยให้ตัวเองได้ค่ะ ไม่ว่าจะสิ่งของที่อยากได้ อาหารที่อยากกิน หรือสถานที่ที่อยากไป แต่ต้องไม่กระทบหรือสร้างปัญหาทำให้เราไม่มีเงินเก็บหรือเป็นหนี้นะคะ 😊😊

และนอกจากนี้เรายังเอาเวลาว่างไป ศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ และมีช่อง YouTube เผยแพร่ความรู้ทางการแพทย์เพื่อหวังให้ทุกๆคนมีความรู้เรื่องสุขภาพมากขึ้นค่า https://www.youtube.com/@Dr.somsomnattakoon

#หมอ #หมอเอกชน #รายได้หลักแสน #แพทย์ #ออมเงิน #ลงทุน #เดรส #สาวหวาน #ลูกคุณ #ลูกคุณหนู