บ.ญี่ปุ่น vs บ.ยุโรป

桌面：右键单击并选择“将链接另存为...”进行下载。

PHOTOS
	JPEG	下载

เราอยากแชร์ประสบการณ์ทำงาน ในสายงาน Supply chain management ของ ทั้งบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทยุโรปเผื่อใครกำลังลังเลเรื่องงานอยู่ หวังว่าอันนี้จะได้เป็นหนึ่งตัวช่วยตัดสินใจนะคะ

• ญี่ปุ่น •

📍สวัสดิการดี โบนัสดี

เค้าดูแลพนักงานดีมากจริงๆถ้าเทียบกับบริษัทยุโรป แต่เงินเดือนเบสจะไม่เท่าบริษัทยูโรป เค้าจะไปเน้นที่โบนัสและสวัสดิการมากกว่า

📍ระบบการทำงาน

ญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องการทำงานแบบมีระบบมีแบบแผน มีขอบเขตที่ชัดเจน พนักงานส่วนใหญ่รู้หน้าที่ตัวเอง อะไรที่ไม่ตรงตาม Procedure ไม่ต้องมาคุยกันจ้าาาา

📍ประชุมกันแทบตลอดเวลา

ที่อื่นเป็นไงไม่รู้แต่ของเราคือประชุมผ่าน MS team ตลอดเพราะส่วนใหญ่จะทำงานคนละตึกกับแผนกอื่น การหาห้องประชุมจึงลำบาก ช่วงนึงเราเคยเป็น organize weekly meeting สภาพเราคือ ใส่หูฟังประชุมผ่าน MS team ข้างนึง มือข้างขวาตอบเมล+minute meeting ส่วน มือกับหูอีกข้างคุยโทรศัพท์ 🥹 ซึ่งต่อให้มีประชุมทุกวันงานแกก็ต้องเสร็จนะ คำถามคือเอาเวลาไหนทำคะ โอทีจ้าาาาาาา เลิกงาน 5 โมงคืออะไรรรรร

📍คนญี่ปุ่นไม่ได้ strict ทุกคน

คนญี่ปุ่นบางคน Strict มาก ส่งเมล remind แล้ว remind อีก แม้จะยังไม่ถึง due ไม่มีคำว่าไม่ได้!!🥲

แต่บางคนก็ชิลมากๆ โดยเฉพาะ GM ของเรา เป็นคนญี่ปุ่นที่ชิลเกินไปแก คุยง่าย แต่ก็แล้วแต่คนนะว่าจะไปเจอเพื่อนร่วมงานแบบไหน

📍เพื่อนร่วมงานดี

เราเจอทั้งเพื่อนร่วมงานที่ดีมากๆและเพื่อนร่วมงานที่ตัวใครตัวมัน คือด้วยความที่งานมันหนักแล้วก็เร่งตลอดเวลา ต่างคนก็ต่างโฟกัสงานตัวเองเป็นหลักเพราะฉะนั้นปฏิสัมพันธ์ในแผนกของเราคือค่อนข้างจะแย่นิดนึง ไม่ได้เกลียดกันนะ แต่เราช่วยงานกันไม่ได้ เพราะงานโหลดกันหมด เราเลยไปสนิทกับเพื่อนร่วมงานคนละแผนกมากกว่า

- ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ -

ด้วยความที่เขาออกแบบระบบมาดีมากแล้วอ่ะเวลาเกิดความผิดพลาดเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมามันเหมือนเป็นเรื่องใหญ่มากแกเหมือนเป็นเคส Study ยิ่งอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยยิ่งสำคัญสุดๆ คือแกจะตกบันไดที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ที่นี่ ไม่งั้นแกต้องทำ countermeasure กับทีมเซฟตี้ยาวววววววววว คือมันก็ดีนะ แต่ในแง่ของการทำงานจริงๆอ่ะเราไม่ทำตาม step 1234 กันตลอดเวลานึกออกป่ะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่เกิดความผิดพลาดก็ดีไป แต่ถ้าเกิดแกลัดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งขึ้นมาแล้วมันผิดพลาดการสอบสวนย้อนหลังนี่แหละขนลุกมาก55555555 แต่แกจะได้อะไรเยอะมากจากที่นี่นะ ความวุ่นวายใดๆที่เกิดขึ้นมันสอนอะไรแกหลายอย่าง

…………..……….………………………………………………………….

• ยุโรป •

(บ.สัญชาติฝรั่งเศส)

📍เงินดี แต่โบนัสกับสวัสดิการไม่ดี

เงินเดือนค่อนข้างสูงเลยค่ะแต่ก็แลกมากับสวัสดิการกับโบนัสที่ไม่ดีเท่าบริษัทญี่ปุ่น บริษัทยุโรปหลายหลายที่ไม่มีประกันสุขภาพให้พนักงาน ของเรามีค่ะ แต่ต้องทำงานครบปีนะถึงจะได้

📍ระบบการทำงาน

จริงๆอันนี้แล้วแต่ที่เหมือนกันนะ แต่ที่เราเจอมาคืองงมากทำงานสับไปสับมา เวลามีปัญหามักจะหาที่มาที่ไปไม่ค่อยได้

📍ฝรั่งทำงานเก่ง (??)

อันนี้ก็แล้วแต่คนอีกเหมือนกัน

แต่จากประสบการณ์ที่เจอเรามองว่าฝรั่งค่อนข้างเกี่ยงงานและขี้เกียจ เรื่องความร่วมมือหรือการช่วยกันประสานงานเราไม่ค่อยได้จากฝรั่งสักเท่าไหร่ โยนงานกันเป็นทอดๆ คนที่ทำงานเป็นระเบียบก็มีนะ แต่น้อยกว่า แล้วส่วนใหญ่เค้าจะชิลกับเวลาเริ่มงาน ของเราเข้างาน 8.30 บางครั้งจะ 9 โมงแล้วเค้ายังนั่งคุยกันที่โซนกาแฟอยู่เลย

📍Work life balance

อันนี้เรามองว่าเป็นข้อดีของบริษัทฝั่งยุโรป ด้วย culture ที่ค่อนข้างชิลกว่า เราจะไม่ค่อยเจองานเร่ง งานจบในแต่ละวันไม่มีการตามงานนอกเวลางาน

📍เพื่อนร่วมงาน

อันนี้ก็แล้วแต่ที่เหมือนกันนะ แต่เรารู้สึกว่าที่นี่ค่อนข้างต่างคนต่างอยู่มากกว่าบริษัทญี่ปุ่น แต่ในขณะเดียวกันที่นี่ไม่ค่อยถือว่าใครอยู่ตำแหน่งอะไรสักเท่าไหร่เหมือนกับเราสามารถคุยกับทุกคนได้อย่างเป็นกันเองมากกว่าบริษัทญี่ปุ่น

- ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ -

ด้วยความที่งานบางอย่างเค้าไม่ค่อยเป็นระบบ ในแต่ละวันเราเลยปวดหัวมากกับการต้องมาหาที่มาที่ไป ต้องจับต้นชนปลายเองจนเหนื่อย ฝรั่งบางคนขี้เกียจจริงๆแล้วก็ชอบโยนงานสุดๆ มีอยู่คนนึงที่เราไม่อยากคุยด้วยมากๆเลยเพราะว่าเรารู้เลยว่าต่อให้คุยยังไงก็ไม่มีทางได้อะไรจากเขา เหมือนพยายามพาตัวเองออกจากปัญหา แต่อันนี้ไม่เกี่ยวว่าเค้าเป็นชาติอะไรนะคะขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคล แต่ที่เจอคือส่วนใหญ่จะเป็นแนวนี้มากน้อยแล้วแต่คน แต่ใดๆ คือที่นี่เราเครียดและกดดันน้อยกว่าบริษัทญี่ปุ่นแบบมากๆ เหมือนได้ชีวิตคืนมา 🥹 บรรยากาศทำงานชิล และ relax กว่ามาก

#เล่าประสบการณ์ #แชร์ประสบการณ์ #เล่าสู่กันฟัง #บริษัทต่างชาติ #ทำงานบริษัทญี่ปุ่น #ติดเทรนด์ #รีวิวชีวิตผู้ใหญ่ #รีวิวบริษัทต่างชาติ #ติดเทรนด์ #ป้ายยากับlemon8