เมื่อเพื่อนสนิทพ่อทำของใส่ที่ดิน ตอนที่1

1️⃣หลังจากที่แม่เรารอดพ้นการโดนทำของใส่มาแล้ว เราก็คิดว่าชีวิตนี้คงปกติแล้วแหละ แต่ก็ไม่วายจริงๆเรื่องเก่าจบเรื่องใหม่ก็เข้ามา ย้อนหลังไปประมาณ5ปีก่อน ตอนนั้นเรายังเรียนอยู่

มหาลัยปี1 ช่วงนั้นครอบครัวเราค่อนข้างลำบาก เพราะพ่อกับแม่ต้องส่งเราเรียน แล้วไหนจะต้องหาบ้านเช่าใหม่ เพราะพึ่งย้ายจากเพชรบูรณ์ลงมา

2️⃣จากตอนแรกที่พ่อเราเกษียณได้เงินเก็บมาก้อนนึงหวังว่าจะเอาไปใช้บั้นปลายชีวิต แต่ไม่รู้คิดอะไร พ่อกับแม่มาบอกว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปสร้างบ้านให้คนพักต่างอากาศที่เพชรบรูณ์

โดยทำเลที่ตั้งก็คือที่ดินของเพื่อนพ่อ ซึ่งเราก็รู้จักพื้นที่ตรงนี้ดีเพราะไปเกือบทุกปี เราไม่ได้พูดอะไรเพราะตอนนั้นเราอยู่ ม.6 คิดว่าอารมณ์สังคมคนแก่อยากให้ครอบครัวเราไปอยู่ด้วยมั้ง

3️⃣จนเวลาผ่านไปเราสอบติดที่นานาชาติมอบู ขึ้นปีหนึ่งเรียบร้อยเรื่องก็ร้อนถึงหูเพราะแม่โทรมาบอกว่า ย้ายออกมาจากที่นั่นแล้วนะ(เพชรบูรณ์) เพราะทำมาค้าขายไม่ได้และอีกเหตุผลนึงคือทะเลาะกับเพื่อนพ่อ ซึ่งรายละเอียดตอนนั้นเราไม่รู้

รู้แค่นิดหน่อยที่แม่เล่า

4️⃣พอย้ายมาก็ปักหลักอยู่ที่ปทุมธานี บ้านที่เพชรบรูณ์ก็ปล่อยทิ้งร้างไว้แบบนั้น พ่อกับแม่ตัดสินใจว่าจะไม่กลับไปอยู่ที่นั่นอีก เลยคิดจะขายที่ดินพร้อมบ้านไปเลย แม่ก็เลยจัดการหานายหน้า ติดต่อทุกคนที่รู้จัก พี่สาวเราก็โพสลงเว็บเผื่อใครสนใจอยากได้พื้นที่สงบๆไปพักผ่อน แต่เชื่อมั้ยว่าขายไม่ได้เลย ก็เลยคิดว่าอะหรือต้องไปไหว้พระไหว้เจ้าหน่อยถึงจะขายได้นะ แม่กับพี่สาวรวมถึงเราก็หาวัดไหว้กัน หวังว่าจะมีบุญได้ขายที่กับเค้าสักที แต่ปรากฏก็ขายไม่ได้จนเวลาล่วงเลยมาจนเราเข้าปี2

5️⃣ตอนนั้นพี่ชายที่เป็นญาติกัน พึ่งโดนพระจับใหม่(เป็นม้าทรง) บ้านเรามีคนที่เป็นม้าทรงสามคนคือ ป้าเรา พี่ชาย และคนสุดท้ายก็คือเรา ตอนนั้นพี่ชายเทียบองค์แม่ทุรคาสื่อได้ว่า

ที่ดินยังขายไม่ได้เพราะมันมีอะไรไม่ดี ให้ไปหารูปปั้นเสือโคร่ง ผงธูปจากวัดแรงๆมา

6️⃣เรื่องการหาของจะเป็นหน้าที่พี่สาวทั้งหมด พอหาของจนครบ ก็ขับรถขึ้นเพชรบูรณ์กันเลย

📌ภารกิจที่1 ฝังเสือโคร่งลงดิน

👤ผู้ร่วมภารกิจ พ่อ พี่สาว เรา ป้า

ต้องบอกก่อนว่าบ้านที่เราไปสร้างไว้อยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล

พื้นที่ประมาณ100ไร่ (อันนี้เพื่อนพ่อเป็นคนบอก)

ในพื้นที่มีบ้านอยู่ 5 หลัง ซึ่งเป็นบ้านเพื่อนพ่อ 1 หลัง

บ้านเรา 2 หลัง ข้างๆกันเป็นเพื่อนบ้านอีก 1หลัง

หลังสุดท้ายเป็นคุณยายคิดว่าน่าจะรู้จักกับเพื่อนพ่อมานานแล้ว

7️⃣วันที่ขับรถไปเพชรบูรณ์เป็นช่วงบ่ายแต่พอขับรถเข้าเขตแดนของที่ดินนี้ มันอึมครึมเหมือนฝนจะตก พวกเราทั้งสี่คนก็รีบลงมาสำรวจบ้านว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ก่อนมาพี่ชายที่เป็นม้าทรงกำชับว่าให้ขุดดินทางด้านทิศเหนือแล้วถ้ามีใครเรียกก็ห้าม

ขานตอบ ไม่ต้องสนใจ

8️⃣ตอนนั้นบ้านที่เราปล่อยไว้หญ้าขึ้นสูงเท่าเอว เป็นพื้นที่รกร้างดีๆเลย ตามชานบ้านมีรังต่อมาอาศัยอยู่ พอเราเดินผ่านเท่านั้นแหละ ตัวต่อก็บินมาต่อยเรากับพี่สาวอย่างจัง เจ็บมากแต่โชคดีที่โดนต่อยไม่กี่จุด เราโดนที่คอ ส่วนพี่สาวโดนที่แขน

9️⃣พ่อเลยรีบเตรียมจอบขุดดินข้างหลังบ้าน ส่วนพี่สาวไปเอารูปปั้นเสือโคร่งลงมาจากรถ พ่อก็ขุดไปเรื่อยๆจนไปเจอยันต์สีขาว “อะไรอะ” พี่สาวพูดขึ้นพร้อมเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา มันเป็นยันต์นางกวักเก่าๆที่เปื่อยแล้วพวกเราสี่คนมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร

🔟พ่อขุดหลุมลึกประมาณ 60 เซน เอาเสือโคร่งฝังลงไป พี่ชายบอกว่าตอนเอาเสือลงไปให้ตั้งจิตอธิฐานขอให้เสือตัวนี้คอยปกปักรักษาที่ดินนี้ไว้ ไม่ให้ใครมาทำอะไรไม่ดี ขณะที่พ่อเอาดินฝังเสือจนเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ได้ยินเสียงยายบ้านข้างหลังเรียกชื่อพ่อเราซ้ำๆ (สมมติพ่อเราชื่อ ทิศ) “ ทิศ…ทิศ… วู้ว”

"พ่ออย่าหัน" พี่สาวพูดขึ้น

1️⃣1️⃣ทุกคนเงียบ เรารีบหยิบผงธูปขึ้นมาเอาไปโรยรอบบ้าน ส่วนพี่สาวก็แบ่งผงธูปที่เหลือโรยหลุมที่ฝังเสือ

แกเห็นว่าพ่อไม่ขานกลับเลยเอาไม้แขวนเสื้อตีกับระเบียงเสียงดัง ปัก! ปัก! “ทิศ…ได้ยินรึเปล่า!”

เสียงแกเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ และด้วยความที่ตรงนั้นไม่มีใคร เสียงแกยิ่งดังกังวาลครอบคุมความเงียบทั้งหมด

“พ่อขึ้นรถไปเลยเดี๋ยวหนูจัดการทุกอย่างเอง” เราพูดขึ้นพร้อมเก็บอุปกรณ์ทั้งหลายขึ้นรถ เราเงยหน้าขึ้นหันไปมองยายที่ตะโกนไม่หยุด ไม่รู้ตาฟาดหรือคิดไปเองเราเห็นว่ามีผู้ชายร่างใหญ่ๆใส่เสือสีเหลืองยืนอยู่ข้างๆยาย

1️⃣2️⃣ไม่พูดพร่ำทำเพฮะ เราก็รีบกระโดดขึ้นรถเลย หลังจากที่เราออกมาได้ ท้องฟ้าข้างนอกสว่างจ้าผิดกับบรรยาศอึมครึมข้างในนั้นเราคิดว่าทุกอย่างจบแล้ว แต่จริงๆอันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น…

รอติดตามตอนสองนะคะ

#ประสบการณ์สยองขวัญ #คุณไสยมนดำ #ทำของ