ไปตะลุยโลกกว้างกัน 🇦🇹

ในที่สุด ✨สมหวังดังใจหมาย เราอยากจะขอบคุณกลุ่มนี้มากๆ เรามาอ่านตามข้อมูลที่สมาชิกทุกท่านได้แสดงความคิดเห็นซึ่งเป็นประโยชน์กับเรามากๆ

ของเราแอบนานนิดนึงเพราะแฟนเราไม่ใช่คนออสเตรีย แฟนสัญชาติอังกฤษ 🏴󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿 แต่เนื่องด้วยแฟนมีธุระกิจที่นี่ และเราตัดสินใจอยู่ที่ออสเตรีย (แฟนเราได้เรสสิเด้นเช่นกัน)

เริ่มจากเรายื่นขอ Rot - weiss- Rot visa ถ้าแฟนไม่ใช่คนออสเตรีย ต้องรอคิวภายใน 1 ปี รับแค่ 300 คน และแน่นอนเราอยู่ที่คิว 200 กว่า จากที่คุณซาบีน่า พนักงานใน BH Landeck แจ้งคิวที่เราอาจจะได้ หรือไม่ได้รับบัตรคือเดือนกันยายน เพราะต้องเช็คเอกสาร ประเมินที่อยู่อาศัยของคนที่สปอนด์เรา ว่ามีที่พักพร้อมสำหรับอยู่ 2-3 คนหรือไม่ สถานภาพความเป็นอยู่ของคนที่ซัพพอตเราบลาๆ แต่ในที่สุดเราก็ได้มาเร็วกว่ากำหนด คือ 23/07/2024

🗃️ มาดูเอกสารที่ยื่นกันค่ะ

- พาสปอตของเรา

- บัตรเรสสิเด้นของแฟน

-เอกสารสมรส (แปลเป็นภาษาเยอรมัน) รับรองโดยกงสุล

- เอกสารการเงินของแฟนขอสเตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน

- เอกสารยืนยันที่อยู่ของแฟน

- ไฟแนนซ์เช็คของแฟน

- รายงานรับรองความประพฤติของเรา จากสำนักงานตำรวจ (แปลและรับรองโดยกงสุล)

- ประกันสุขภาพของเรา

- ทรานสคริปมหาลัย ยื่นในกรณีไม่ต้องสอบเยอรมัน A1 ( รับรองโดยกงสุล เพราะเราจบมอเอกชน มอรัฐบาลอาจไม่ต้องรับรอง ต้องถามจากสำนักเขตที่เรายื่น เพื่อความชัวร์)

- แบบฟอร์ม Rot - weiss- Rot visa และรูปถ่าย

หลังจากนั้นคือรอยาวๆ เรายื่นที่สถานทูตออสเตรียตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2023

🚀 เราเดินทางมาหาแฟนด้วย Visa C เพราะยังทำงานที่ไทย แพลนกลับก่อนกันยายน เพื่อมารับที่ไทย 😅 แต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับเราเสมอ เราดันได้ข่าวดีก่อนเดือนกันยา แต่เนื่องด้วยเราไม่สามารถรับบัตรได้ด้วย Visa c ดังนั้นเราต้องออกจากออสเตรีย และถ้าอยากรับบัตรที้ออสเตรีย เราต้องมาด้วย visa D เท่านั้น ตอนนั้นตันมากเพราะต้องกลับไทย และต้องขอ visa D มาใหม่ แต่คุณซาบีน่าช่วยเหลือเราดีมากๆ คุณเขาออกเอกสารยื่นขอวีซ่า D ให้แต่เราต้องไปยื่นขอที่มิวนิก ประเทศเยอรมัน 🇩🇪 แต่ด้วยความโชดีอีกรอบ เราได้ visa D ที่มิวนิกภายในวันที่ไปยื่น 🤩

🤩

ในที่สุดเราก็ได้เรสสิเด้นมาแล้ว ขอบคุณมากๆค่ะ 🙏🏻

#ติดเทรนด์ #ย้ายประเทศ #ยุโรป