รีวิวสมัครแอร์สิงคโปร์ เงินเดือนเท่าไร? สังคมดีไหม!?

31 May เป็นวัน International Flight Attendant Day ✈️ เลยคิดว่ามารีวิวการสมัครแอร์สายเคบาย่า พร้อมชีวิตการบิน ความเป็นอยู่ จากประสบการณ์ที่บินมา 5 ปี!

:: สัมภาษณ์ ::

👩🏻‍💼รอบแรก : ขอเรียกว่ารอบนางงาม 😂

ให้ความรู้สึกเหมือนประกวดนางงามจริงๆ เข้าไปทีละ 10 คน ถามคำถามเดียวกัน แล้วให้เรียงตอบทีละคน ของแอโดนคำถาม what’s your favourite fruite? ตอบเสร็จครบทุกคน ออกมานั่งรอไม่นานมาก เค้าก็ออกมาประกาศคนที่ได้ไปต่อ คำถามดูง่ายใช่ไหมคะ แต่ๆๆๆ ตอนประกาศผ่านแค่ 2 คน!! เอาอะไรมาวัดอะแม่!

📖 รอบสอง: English Test

ตั้งแต่สมัครเค้าต้องใช้ผล Toeic แล้วก็จริง แต่ก็ยังมีให้สอบ จำได้ว่าเหมือนข้อสอบภาษาอังกฤษทั่วไป มีให้อ่านแล้วตอบคำถาม เติมคำ หาคำผิด มีเวลาแค่ 30 นาที รู้สึกว่าข้อสอบไม่ยากมาก แต่!! มันตื่นเต้น กลัวเวลาหมด จากง่ายๆก็คือกลัวไปหมด 😂 ต้องมีสมาธิดีๆ

🧍🏻‍♀️รอบสาม: เอื้อมแตะ

เบสิคทั่วไปเลยค่ะ ชั่งนน วัดส่วนสูง เอื้อมแตะให้ถึงเส้นที่เค้ามีไว้ รอบนี้ส่วนใหญ่ทุกคนจะผ่าน คนที่ไม่สูงมาก ไม่ต้องกลัวนะคะ ไปฝึกความยืดหยุ่นร่างกายมาได้ค่ะ

🗣รอบสี่: Debate

เค้าจะให้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มนึงคือเห็นด้วย อีกกลุ่มคือไม่เห็นด้วยกับหัวข้อที่กลุ่มเราจะได้รับ ตอนนั้นได้คำถามเกี่ยวกับการมีลูกเร็วประมาณนี้ จำหัวข้อเป๊ะๆไม่ได้แล้ว 😂 เค้าจะให้เวลาปรึกษากันในทีม ตอนนี้เค้าก็คือเริ่มสังเกตเราทุกคนแล้วนะคะ ว่าเรามีการรับฟัง การออกความเห็นกับเพื่อนเป็นยังไง แอว่าเค้าไม่ได้ดูที่คำตอบเป็นหลัก แต่อยากดูการทำงานเป็นทีมของเรา

🙆🏻‍♀️รอบที่ 5: สัมภาษณ์เดี่ยว

จำได้ว่ามีกรรมการทั้งหมด 3 คน เป็นคนสิงคโปร์หมดเลย นั่งหน้าเรา ถามคำถามเบสิคทั่วไปเช่น ทำไมถึงอยากเป็นแอร์ ทำไมต้องเป็นแอร์สิงคโปร์? แล้วก็ชวนคุยทั่วไป จำได้ว่าโดนคำถามนึงว่า ปกติทำงานบ้านไหม ทำอะไรบ้าง (อยากรู้ไปทำไมคะะะ 😂)

รอบสุดท้าย: ลองชุดเคบาย่า

โอโห กว่าจะถึงรอบนี้ แทบจะเป็นลม รอบนี้คือเค้าจะให้เราลองชุดเพื่อที่จะดูว่าใส่ชุดเค้าสวยไหม เค้าจะพลิกดูแขน ดูขาเราว่ามีแผลเป็น รอบสักอะไรไหม ที่หน้าก็คือใช้ไฟส่องหาสิว มีเพื่อนที่เข้ามาถึงรอบนี้แต่ตกรอบเพราะมีแผลตีลอยด์ที่แขน 🥹🥹 ถ้าใครมีแผลที่เห็นชัด แนะนำว่าควรรักษาให้จางที่สุดจนกลบสนิท เพราะเค้าซีเรียสมากจริงๆ

:: ชีวิตที่ 🇸🇬::

หลังจากที่ผ่านอะไรเรียบร้อย เค้าจะให้บินมาสิงคโปร์ เพราะแอร์ SQ เบสที่สิงคโปร์ เค้ามีเวลาให้หาบ้าน 5 วัน!! ระหว่างนั้นให้อยู่โรงแรม อยากจะบอกว่าการหาบ้าน 5 วันคือลำบากมากกกกกกกกก เพราะเราไม่ได้ว่างทั้ง 5 วัน เราต้องไปทำเอกสารนู่นนี่นั่นเยอะมาก มีเวลาหาบ้านจริงๆแค่ 2-3 วัน ปกติเราจะไปกันประมาณ 3-6คนต่อแบช ก็สามารถเช่าทั้งหลัง (ทั่วไปมี 3 ห้องนอน) แล้วแชร์ห้องนอนกันคนละห้อง ตกจ่ายเดือนละ $550-$900 แล้วแต่ว่าอยู่แบบไหน

สังคมลูกเรือที่นี่ถือว่าเจอทั้งดีและไม่ดี (แต่คิดว่าเป็นทุกที่แหละ) อย่างที่ใครๆหลายคนบอกว่างานนี้ดีตรงที่จบไฟล์ทก็จบ อาจจะไม่เจอกันอีก แต่รวมๆแล้วถือว่าโอเค เพราะเจอลูกเรือที่ดี น่ารัก มากกว่าไม่ดี รูทที่บินก็ถือว่าไม่แย่ รวมแหล่งท่องเที่ยวครบ โรงแรมคือดี อยู่ในเมืองแทบทั้งหมด ระยะเวลาที่อยู่แต่ละที่ก็ถือว่านานถ้าเทียบกับสายแขก ทำให้มีเวลาให้ออกไปเที่ยวนอกเมืองได้

:: เงินเดือน ::

อยู่ที่ประมาณ $4,500-6,000 แล้วแต่ไฟล์ที่ได้ หักค่าบ้าน ค่าการเป็นอยู่ สามารถมีเงินเก็บได้เลย แต่หลายๆคนก็ใช้ไปกับการช็อปปิ้งที่ต่างประเทศ 😆

ถือว่าเป็น 5 ปีที่คุ้มค่า ได้เห็นโลกกว้าง ได้เจอคนมากมาย เรียนรู้วิธีการทำหูทวนลม 😂 ได้ใช้ชีวิตแบบที่ต้องดูแลตัวเองจริงๆ มันทำให้เราได้โตขึ้น แต่ก็แลกมากับบางอย่างเช่น การนอนไม่เป็นเวลา ปวดหลัง 🥲 นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ลาออกเหมือนกัน

ช่วงนี้เค้าเริ่มกลับมาเปิดรับสมัครอีกครั้ง ถ้าน้องๆคนไหนสนใจ อยากให้ได้ลอง ไม่ไกลจากไทย มีเวลาก็บินกลับไทยได้สบาย

ขอให้ได้ติดปีกกันสมใจนะคะ ✈️

#รีวิว #สมัครงาน #ลูกเรือ #cabincrew