⚠️💥แชร์ประสบการณ์ First jobber ทำงานได้ 2 เดือนแล้วลาออก⁉️

👀💤 ได้พักอยู่บ้านสมจายยหลังจากลาออกจากงาน ต้องบอกก่อนว่างานนี้เป็นงานแรกที่ทำหลังจากเรียนจบบ

📨📬 ซึ่งระหว่างที่เคลียร์โปรเจคจบ ก็นั่งหางานไปด้วย ยื่นสมัครไปหลายที่มากและก็มีงานติดต่อมาให้ไปสัมภาษณ์บ้าง มีเทสงานบ้าง และในที่สุดก็เจอที่นี้ติดต่อเข้ามา!

📍📺 บอกก่อนว่าที่นี้เป็นบริษัทต่างชาติ ขายเกี่ยวกับอุปกรณ์วิทยุและโทรทัศน์ แต่ๆๆๆๆ เราไม่ได้เป็นคนสมัครงานบริษัทนี้ไปนะ (แต่เขาน่าจะเจอประวัติเราจากแอพสมัครงานต่างๆ เลยติดต่อมา) บวกกับตอนนั้นเราก็ไม่ได้สมัครที่อื่นเพิ่มก็เลยตัดสินใจไปสัมภาษณ์งานนี้ดูเพราะมันใกล้บ้าน+เดินทางสะดวก

👩🏻‍💼⚠️ ตำแหน่งที่เขาให้มาสัมภาษณ์คือ Sale marketing เพราะเห็นเรามีประสบการณ์งานขายและก็เรียนจบตรงสายด้านสื่อสารมวลชน ซึ่งเราเคยผ่านแต่งานพาร์ทไทม์พวกร้านกาแฟ ขายรองเท้าในห้างมาก่อนก็รู้สึกว่าเออตำแหน่งงานนี้มันก็น่าลองทำและก็ทำจันทร์-ศุกร์ เข้างาน 08.30-17.30 น. (งานที่ได้หยุดเสาร์-อาทิตย์คือสวรรค์🤩) และก็ได้เงินเดือนตามที่ขอไป รวมๆ คือทุกอย่างดี และก็อยากทำงานหาเงินแล้วด้วยก็เลยแอบชอบที่นี้และหวังว่าจะได้ทำงาน

📍ผ่านไป 1 อาทิตย์ ใช่ค่ะเราได้งานที่นี้ ตอนนั้นดีใจมากกกและพอได้มาทำงานจริง เฟลค่ะ นอยค่ะ ไม่ตรงปกอะแม่😭 ขายฝันหนูสุดๆ คือมาทำงานเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในออฟฟิศ ในออฟฟิศคือมีพนักงานแค่ 7 คน ผู้หญิงมี 2 คนคือแม่บ้านกับแอดมินประจำ นอกนั้นผชล้วนค่ะ เราก็เด็กสุด พยายามปรับตัวเข้ากับพี่ๆ ส่วนทีมขายเรา คือมีแค่หัวหน้าและก็เราสองคน ไม่มีคนอื่นเลยย (เหง๋ายิ่งกว่าเหงา ไม่เคยทำงานแล้วเหงาขนาดนี้)

และยังมีอีกเยอะมากกเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงานที่นี้ บอกเลยว่าทำงานแค่ 2 เดือนแต่มีเรื่องเล่าเยอะมาก แต่ทำงานที่นี้ก็ยังมีข้อดีนะ เพราะเวลาเราขายสินค้า เราจะขายให้กับสถานีวิทยุและโทรทัศน์ ซึ่งไปแต่ละครั้งก็ได้ไปเดินดูการทำงานด้วย เราได้ไปช่อง 9 อสมท ได้เจอนักร้อง ดาราที่มาถ่ายงาน ตอนไปแต่ละครั้งเลยรู้ตัวว่าชอบงานเบื้องหลังมากกว่างานขายอีก 555555555

😭💥 แต่ที่ทำให้เราตัดสินใจลาออกจริงๆ คือตัวเนื้องานและก็สภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เจอ เราทำงานเป็นเซลล์ แต่หัวหน้าไม่มีการสอนงานเลย เขาบอกว่าอยากให้เราลองไปหาลูกค้าเอง ฝึกความอดทนเวลาเข้าหาลูกค้า (แต่ลูกค้าที่เขาให้ไปหาเป็นคนที่ซื้อของเป็นประจำ เลยไม่ต้องหาฐานลูกค้าเอง) ตอนแรกเราก็เกร็งๆ ไม่กล้าพูด จนมีลูกค้าบอกว่าเราไม่เหมาะกับงานนี้ บางทีเจอลูกค้าหยอกล้อว่าเราไม่สวย แต่งตัวเชยบ้าง (เขาบอกหยอกๆ ไอเราก็ยิ้มใส่แต่ในใจคือแบบอิหยังวะ) เอาจริงๆ พอเจอแบบนี้บ่อยๆ ก็รู้สึกว่ามันแอบบั่นทอนจิตใจเรา จนมีครั้งนึงไปนั่งในห้องน้ำเกือบครึ่งชม เพราะไม่อยากเจอลูกค้า

โชคดีที่เรารู้ตัวเองไวว่าไม่เหมาะกับสายงานนี้ เลยสมัครงานที่อื่นไว้สำรอง จะได้ไม่เสียเวลากับตรงนี้มาก ส่วนบริษัทเองเขาก็จะได้หาคนใหม่ที่เหมาะสมกว่าเรามาทำด้วย และก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เจอในบริษัท ทั้งข้อมูลงานที่เราต้องอ่านแต่ละวัน แล้วเป็นภาษาอังกฤษล้วน จากใจคนที่ไม่ค่อยเก่งอิ้งบอกเลยว่ามันเหนื่อยยมากก และก็มีเบื่อบ้างเพราะวันๆ นั่งอ่านแต่เดิมๆซ้ำๆ ไม่มีคนไกด์งานหรือสอน พอนั่งออฟฟิศเฉยๆ ก็เกร็งเข้าไปใหญ่

แต่ปัญหาที่เราเจอ เราได้มีการคุยกับหัวหน้าโดยตรง เพราะเราก็ยังอยากทำงานให้ผ่านโปรก่อน แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมค่ะ เราเลยตัดสินใจว่าขอลาออกเลยละกัน ทั้งๆที่ยังไม่มีงานรองรับ เพราะตอนนั้นใจคือมันไม่เอางานแล้ว พอจะไปทำงานก็ไม่มีความสุข ก็เลยขอออกมาเซฟใจตัวเองดีกว่า❤️‍🩹

🎉🎉🎉 และในที่สุดก็ได้นอนพักเต็มที่!! จนในตอนนี้เราได้ทำงานเป็น marketing ของแบรนด์สินค้าสีชมพู ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงแต่ก็ขอลุยให้เต็มที่อีกครั้ง มีไฟมากค่ะ พร้อมทำงานเต็มที่!

🌟🌟🌟 และก็อยากบอกเด็กจบใหม่ทุกคนว่า เราทุกคนมีความสามารถ เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกที่ทำงานเหมือนกัน ดังนั้นไม่อยากให้ด้อยค่าตัวเอง ใครที่บอกว่าเด็กจบใหม่ไม่ทนงาน บอกเลยว่าไม่อยู่ในจุดที่เจอไม่เข้าใจจริงๆ ใครๆก็อยากทำงานที่ดีทั้งนั้นค่ะ และก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังหางาน ยอมรับเลยว่าการหางานมันหายากจริงแต่ยังไงก็ต้องมีงานที่เหมาะกับเราแน่นอนค่ะ! ✊🏻📦💖

#ประสบการณ์ลาออก #รีวิวลาออก #ประสบการ์ทำงาน #firstjobber #แชร์ประสบการณ์