Lemon8 Video Downloader

The easiest way to download video and gallery from Lemon8 app

นิยายเรื่อง เศษดินกับแสงดาว บทที่ 2

นิยายเรื่อง เศษดินกับแสงดาว บทที่ 2

Desktop: Right-Click and select "Save link as..." to download.

PHOTOS
นิยายเรื่อง เศษดินกับแสงดาว บทที่ 2 JPEG Download

‘นัส ระวัง!!’

พี่เรย์ เสียงพี่เรย์ใช่ไหม อยู่ไหนกันน่ะ ทำไมผมมองไม่เห็นใครเลย

หลังจากวินาทีที่ถูกความมืดครอบคลุมอย่างไม่ทันตั้งตัว นี่นับเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าการลืมตามันช่างยากช่างเย็นเหลือเกิน

และนับเป็นครั้งแรกที่ผม...กลัวที่สุดในชีวิต!!

ช่วยด้วย!! ผมหายใจไม่ออก

ไม่รู้หรอกว่าชีวิตผมถูกความมืดปกปิดนานเท่าไร รับรู้ได้เพียงอย่างเดียวคือ...มีช่วงเวลาหนึ่งที่มองเห็นใครสักคนอยู่ตรงหน้าก่อนหนังตาจะปิดลงสู่ความมืดมิดอีกครั้ง

เส้นทางสุดสายของชีวิตมันใกล้แค่นี้เองสินะ บางการกระทำไม่ถึงกับเรียกว่าประมาทเริญเล่อ แต่บางเหตุการณ์กลับพาให้คนก้าวไปหาความตายได้อย่างรวดเร็ว เร็วมากจนไม่ทันตั้งตัว แล้วสุดท้ายการได้รับโอกาสให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้งอาจจะไม่ได้เกิดกับทุกคน

คนไป...จากไปด้วยความกลัว คนอยู่...อยู่ด้วยความเจ็บปวด

ทัวร์คอนเสิร์ต!!

Firefly!!

ทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงภาพความทรงจำจริงหรือ?

ท้ายที่สุดแล้ว การจากลามักไม่เคยสวยงาม เหมือนความตายที่ไม่เคยปรานีใคร

หนาว หนาวเหลือเกิน

รับรู้ถึงความหนาวสุดขั้วหัวใจได้ไม่นาน เหมือนมีร่างกายอบอุ่นของใครคนหนึ่งซ้อนทับเอาไว้ ต่อจากนั้นร่างกายค่อยๆ อุ่นขึ้น รวมถึงจิตใจอันเหน็บหนาวด้วยเช่นกัน

ขอบคุณสำหรับอ้อมกอดนะ ไม่ว่าของใครก็ตาม ขอบคุณจริงๆ

“หลับนานเกินไปแล้วนะ ตื่นขึ้นมาสักทีเถอะ”

ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือความฝัน ผมได้ยินเสียงพี่ยูดังแทรกเข้ามาในโสทประสาท นั่นจึงกลายเป็นเหตุผลของการพยายามลืมตาเพื่อฝ่าความมืดอีกครั้ง

พอลืมตาได้อย่างยากลำบาก สิ่งแรกเมื่อสายตาประสานคือเพดานสีน้ำตาลที่ดูเหมือนจะเป็นหลังคาบ้านมากกว่าเพดานตึกแห่งไหนสักแห่ง

หวังว่าไม่เป็นการฝันซ้อนฝันนะ

“โอ้ย!!” เจ็บแบบนี้ชัดเจนเลย

ไม่ได้ฝันชัวร์

และแล้ว...ไม่พ้นต้องรีบยกมือขึ้นกุมบริเวณขมับกะทันหัน หลังจากเผลอหันหน้าสำรวจความจริงตรงหน้าเร็วเกินไป

เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย ทำไมรู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ แบบนี้ อาการเหมือนเมาค้างไม่มีผิด เมื่อวานผมดื่มมางั้นเหรอทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลย แล้วเรี่ยวแรงล่ะ...หายไปไหนหมด

“โอ้ย~”

เวลาแบบนี้การรีบร้อนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าอาจจะไม่ช่วยอะไร รวบรวมสติแล้วค่อยๆ นึกต่างหากคือสิ่งสำคัญ

ก่อนหน้านั้น...

ถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ

ลงน้ำ

แล้วจากนั้นก็...

‘นัส ระวัง!!’

น้ำพัดมากระทบกายอย่างแรงจนเสียหลัก แล้วความมืดก็เข้าปกคลุม

สรุป!! ผมถูกน้ำป่าพัดมาอยู่ที่ไหนสักแห่งสินะ ดูจากการแต่งกายผิดแผกไปจากเดิมแล้วอาจเป็นไปได้ว่าถูกใครสักคนช่วยชีวิตเอาไว้

เมื่อนึกเหตุการณ์ก่อนหน้าออกชนิดครบทุกฉากทุกตอน จึงได้ข้อสรุปว่าความจำไม่ได้มีปัญหา สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือนแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำต่อมาคือสำรวจร่างกายว่าทุกอย่างยังอยู่ดีไหม หรือมีมากกว่ารอยฟกช้ำที่อยู่บริเวณแขนสองสามจุด พอลองขยับตัวอันไร้เรี่ยวแรงพอสมควรก็พบความผิดปกติอยู่จุดหนึ่ง นั่นคือรู้สึกชาตรงขาข้างซ้าย เมื่อลองยกดูกลับพบว่ามันยกไม่ขึ้น นี่จึงเป็นอีกครั้งที่ถูกความกลัวอัดใส่หน้าเต็มแรงจนใจหาย ลมหายใจติดขัดโดยอัตโนมัติ

ถ้าการรอดตายคือต้องสูญเสียขาข้างหนึ่งไป ขอเลือกความตายอย่างเดิมดีกว่า ผมยอมรับสภาพแบบนี้ไม่ได้หรอก

“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้!!” แม้เสียงจะติดแหบแห้งแต่ความสูญเสียครั้งนี้กลับทำให้ผมอยากตะโกนออกไปสุดเสียง “ไม่จริง!!”

“อ้าว~ ฟื้นแล้วเหรอคุณ เป็นยังไงบ้าง” ถามมาได้เนอะ ไม่เห็นหรือไงว่าเป็นหรือไม่เป็นน่ะ

คนถามเดินเข้ามาใกล้จนเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้หญิง แต่ผมรับรู้เพียงเท่านั้นแหละ เวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่าร่างกายที่ผิดปกติของตัวเองอีกแล้ว

“ทำไมสภาพฉันเป็นแบบนี้”

“คุณถูกน้ำป่าซัดน่ะ เลยมีอาการบาดเจ็บอย่างที่เห็น”

“ฉันรู้ว่าถูกน้ำป่าซัด แต่ฉันอยากรู้ว่าทำไมถึงยกขาซ้ายไม่ขึ้น”

“ใจเย็นๆ นะ”

คนกำลังสูญเสียขาเนี่ยนะให้ใจเย็น ถ้าเป็นเธอบ้างจะใจเย็นได้เหรอ

“จะให้เย็นอะไร ฉันขยับขาไม่ได้นั่นเท่ากับว่าฉันจะเดินไม่ได้อีกแล้ว ฉันจะพิการ ฉันจะ...”

“คุณ ใจเย็นๆ แล้วตั้งสติ ที่ขาของคุณขยับไม่ได้อาจเพราะข้อเท้าได้รับบาดเจ็บบวกกับไม่ได้รับการขยับมาสองวันเต็มเลยตอบสนองช้าไปบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าคุณจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม ฉันรับรองได้”

“ธะ...เธอพูดจริงนะ”

“จริงสิ ถ้าไม่เชื่อคุณลองค่อยๆ ขยับมันอีกครั้งสิ ขยับช้าๆ ไม่ต้องรีบ”

พอลองทำตามคำแนะนำของผู้หญิงแปลกหน้าตรงหน้าก็พบว่าเธอพูดความจริง

“จริงด้วย” ขาผมค่อยๆ ตอบสนองตามคำสั่งของสมอง แต่แทนมาด้วยความรู้สึกปวดบริเวณข้อเท้าอาจเพราะมีการบาดเจ็บอย่างที่ยัยนี่บอก

ถึงปวดตรงข้อเท้าแต่ก็โล่งอกไปหนึ่งเปราะ อย่างน้อยโอกาสกลับไปเดินได้เหมือนเดิมยังไม่หายไปไหน

เนื่องจากไม่ได้คิดมากกับอาการของตัวเองอย่างเก่า จึงมีเวลาพิจารณาคนตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน

ผมสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิจารณา เป็นผู้หญิงตาโตเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ จมูกไม่ถึงกับโด่งแต่พอมี ปากบางอมชมพูนิดๆ ซีดหน่อยๆ รูปร่างไม่ได้สูงมาก เฉลี่ยด้วยสายตาแล้วน่าจะไม่ถึง 165 เซนติเมตร ดูเป็นคนมีน้ำมีนวล หรือถ้าให้พูดแบบไม่เกรงใจคือติดไปทางอวบในความหมายของผมอะนะ แต่งตัวด้วยชุดเสื้อกางเกงพื้นเมืองสีกรมของชนเผ่าคล้ายกับคนในหมู่บ้านที่พาผมกับทีมงานยกกองไปถ่ายทำที่น้ำตก ไม่แน่ว่าเธออาจเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ถ้าใช่!! ผู้หญิงคนนี้ต้องรู้ถึงความเป็นไปของพวกเพื่อนๆ ผมแน่ แต่เพื่อความชัวร์ควรเช็กให้แน่ใจก่อนดีกว่ากันพลาด เท่าที่อยู่ในกองถ่ายเหมือนบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ติดชายแดน ไทย-พม่า ด้วย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำป่าซัดผมมาไกลแค่ไหน ถ้าขืนยัยนี่เป็นชาวพม่าขึ้นมาการทึกทักเอาเองอาจจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่

“เธอเป็นใคร แล้วที่นี่คือที่ไหน”

“ฉันเป็นคนที่ช่วยคุณไว้ ที่นี่เป็นบ้านฉันเอง” ตอบด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร

หึ ขอบคุณในคำตอบอันแสนซื่อนะครับคุณผู้หญิง แต่จะบอกให้รู้ไว้ว่าผมไม่ได้อยากรู้เลยว่าคุณเป็นคนช่วยผมไว้ไหม หรือนี่เป็นบ้านของใคร ที่อยากรู้คือบ้านหลังนี้อยู่ส่วนไหนของซีกโลกต่างหาก

“ฉัน...ยังอยู่ในประเทศไทยใช่มั้ย” ถามแบบเจาะจงไปเลย ตอบแบบซื่อๆ อีกให้รู้ไป

“ทำไมคุณถึงคิดว่าที่นี่เป็นประเทศไทยล่ะ”

ผมไม่ได้คิดอะไรเลยครับ แต่ผมถามเพราะต้องการคำตอบที่ชัดเจนไม่ใช่ให้คุณถามกลับ

“รู้สึกภาษาที่เธอสื่อสารกับฉันคือภาษาไทยนะ” ชัดมากด้วย

“แน่นอนว่าถ้าได้เรียนอย่างจริงจังทุกเชื้อชาติย่อมพูดคุยเป็นภาษาไทยได้”

สรุป!! วันนี้กูจะได้คำตอบที่ต้องการไหมวะ นี่ถ้าอยู่บ้านตัวเองผมได้อาละวาดบ้านแตกไปละนะ ผู้หญิงบ้าอะไรปั่นประสาทเก่งฉิบหาย

“พ่อแม่ พี่น้องเธออยู่ไหน ฉันจะคุยกับพวกเขา” เบื่อคุยกับยัยนี่ละ บางทีคนอื่นน่าจะคุยรู้เรื่องกว่าและคำตอบที่ต้องการอาจอยู่ไม่ไกล

“ฉันอยู่ที่นี่คนเดียว”

“วะ...ว่าไงนะ”

“บ้านหลังนี้ ที่นี่ มีแค่เราสองคน”

แจ็กพอต!!

อยู่กับยัยนี่สองคน!! โรคประสาทจะไม่ถามหาเหรอวะ

เดี๋ยวนะ...เหมือนผมนึกบางอย่างออก

เรื่องราวก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก

อย่าบอกนะว่ายัยนี่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ

จากที่รู้สึกว่าต้องขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้ มาตอนนี้แทบอยากจะตั๊นหน้าเธอสักหมัดให้หายเจ็บใจ

“โอ้ย~” ทำไมการลุกขึ้นนั่งมันถึงได้ลำบากลำบนขนาดนี้วะ

“ไม่ต้องรีบลุกหรอกน่า คุณเพิ่งฟื้นเอง”

“เรื่องของฉัน”

“อ้าว~ คนอุตส่าห์หวังดี”

“เก็บความหวังดีจอมปลอมของเธอคืนไปเถอะ” อย่าคิดว่าเสแสร้งแล้วคนอื่นจะอ่านเธอไม่ออกนะ

“เฮ้ย พูดแบบนี้ได้ไงอะ”

ได้ไม่ได้พูดไปแล้วเว้ย

“พาฉันออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”

“คุณป่วยเป็นไบโพลาร์หรอกเหรอเนี่ย”

“เธอ!!”

“ตอนนี้ข้างนอกฝนตก แถมสภาพคุณเป็นแบบนี้ขืนออกไปก็เน่าตายพอดีน่ะสิ” หลอกด่าแล้วยังทำหน้าใสซื่ออีกนะ เนียนดี เนียนมาก

“ตอนเธอพาฉันมาที่นี่สภาพหนักกว่านี้อีกไม่ใช่เหรอ ยังพามาได้เลยนี่ แค่พาออกไปคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงหรอกมั้ง”

“มันไม่เหมือนกันนะ”

“ไม่เหมือนยังไง”

“ก็...”

“พอเถอะ” ยกมือขึ้นห้ามก่อนจะพล่ามมากกว่านี้ “ฉันไม่อยากฟังเธอแถละ เอาโทรศัพท์มา ฉันจะโทรเรียกให้คนมารับ”

“ไม่มี!!”

“What?...”

“ต่อให้มีโทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณหรอก จุดนี้ลึกเกินกว่าที่เครือข่ายไหนจะเข้าถึง”

“แล้วเธอสะเออะมาอยู่ที่นี่คนเดียวทำไมเนี่ยยัยตุ่น” โมโหเว้ย

“ก็ฉันชอบที่จะอยู่แบบนี้ไง!! พักผ่อนซะ เดี๋ยวทำอะไรให้กิน” แล้วยัยตัวตุ่นก็หมุนตัวเดินหายออกไปจากห้องด้วยอารมณ์ไหนไม่รู้ ก็คงจะหงุดหงิดแหละ ทิ้งให้ผมมองตามด้วยความเจ็บกายเจ็บใจอยู่ตรงนี้

“อย่าให้ฉันออกไปได้ละกัน” แล้วจะออกไปยังไงล่ะ ลุกขึ้นยืนก็ยังทำไม่ได้ ทำได้แค่อยู่แต่ในห้องนี้

ยัยตุ่นขี้โกหกเอ๊ย เป็นผู้หญิงแต่อยู่ป่าคนเดียวเนี่ยนะ ผมไม่เชื่อเด็ดขาด ถึงจะมีข้าวของเครื่องใช้ของผู้หญิงอยู่เต็มห้อง แถมห้องนี้มีที่นอนยกสูงเพียงที่เดียวก็เถอะ ยังไงผมก็ไม่เชื่อ

เฮ้อ~

ไม่รู้ป่านนี้พี่เรย์เป็นยังไงบ้าง โดยนิสัยของพี่เขาแล้วต้องกำลังโทษตัวเองอยู่แน่ๆ จากที่หวังดีจะช่วยเพื่อนให้สบายกายแต่กลับเป็นต้นเหตุให้เขาทุกข์ใจ ผมนี่มันไม่ได้เรื่องเลย

ถ้าออกไปจากที่บ้าๆ นี่ได้เมื่อไหร่ผมกลับไปคิดบัญชีคนพวกนั้นอย่างสาสมแน่

เริ่มจากยัยตัวตุ่นก่อนละกัน...

*ถ้าชอบก็กดติดตามกันด้วยนะคะ เราจะลงให้เรื่อยๆ จ้า หรือถ้าอดใจรอไม่ไหวก็สามารถกดเข้าไปอ่านที่แอพได้เลย ทั้ง #readawrite #ธัญวลัย #dakD ฝากด้วยน้าาา🍃🍃

#ติดเทรนด์ #นิยายน่าอ่าน #นิยาย #นิยายreadwrite