ใช้ข้อจำกัด สร้างชีวิตไร้ขีดจำกัด

จากการค้นคว้ากว่า 10 ปี

สก๊อต โซเนนไชน์

อดีตที่ปรึกษา Microsoft

พบว่าความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่

กับว่าคุณมีต้นทุนเท่าไหร่

แต่อยู่ที่ว่าคุณใช้มัน

ได้ฉลาดแค่ไหนต่างหาก

.

หนังสือเล่มนี้จะบอก

กลยุทธ์พลิกแพลง

สิ่งที่คุณมีให้เกิดประโยชน์

ผ่านเรื่องราวของคน

ที่ใช้วิธีการนี้ได้สำเร็จมาแล้ว

.

.

🔶 ใช้สิ่งที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

คือคติประจำใจที่ช่วยให้ดิ๊ก

เจ้าของบริษัท D.G.Yuengling & Son

ก่อตั้งธุรกิจที่รุ่งเรืองและยั่งยืน

เขาสุขใจที่ได้ทำธุรกิจนี้ร่วมกับลูกหลาน

.

ทัศนคติที่คนเรามีต่อการ

ใช้สิ่งที่มีอยู่นั้นส่งผลอย่างมาก

กับความสำเร็จในหน้าที่การงาน

ความสุข และธุรกิจ แต่ปัญหาที่แย่คือ

เราประเมินคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ต่ำเกินไป

.

สัญชาตญาณของเรามักบอกว่า

"ยิ่งมีมาก = ยิ่งได้มาก

วิธีคิดแบบนี้ทำให้เราสบายใจ

แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่ดีอย่างที่คิด

เพราะมันทำให้เรามัวแต่

วิ่งตามสิ่งไม่จำเป็น

และมองข้ามศักยภาพ

ของสิ่งที่มีอยู่ในมือ

.

คนฉลาดคิดมักตั้งคำถาม

"ฉันจะใช้ต้นทุนที่มีได้อย่างไรอีกบ้าง?

แทนที่จะคอยถามว่า

ฉันยังขาดอะไรอีก"

การฉลาดคิดจึงไม่ใช่แค่

การเอาชนะข้อจำกัด

แต่มันคือทัศนคติการใช้ชีวิต

ที่ทำให้เรามีความสุข

ไม่ว่าเราจะมีต้นทุนมากหรือน้อยก็ตาม

.

.

🔶 นักกีฬาเหรียญทองแดง

ได้คะแนนในระดับปิติยินดี

มากกว่านักกีฬาเหรียญเงิน

ทั้งๆที่นักกีฬาเหรียญทองแดง

มีผลงานย่ำแย่กว่านักกีฬาเหรียญเงิน

พวกเขาพบวลี "อย่างน้อย ฉันก็..."

เป็นวลีของของนักกีฬาที่ให้

ความสำคัญกับความสำเร็จของตน

ขณะที่ "ฉันเกือบจะ..."

เป็นคำพูดหลักของนักกีฬาที่

ยึดติดกับความล้มเหลว

.

คนเราทุกคนล้วนอยากรู้ว่าตัวเอง

อยู่ในสถานะหรือระดับใด

คนเราก็ยิ่งใช้มันเพื่อเปรียบเทียบ

ตัวเองกับคนอื่นได้สะดวกมากขึ้น

การเปรียบเทียบกับคนอื่นแบบนี้ เรียกว่า

"การเปรียบเทียบทางสังคม

จากล่างขึ้นบน"

.

"การยึดติดหน้าที่"

(Functional Fixedness)

หมายถึงการไม่สามารถใช้สิ่งที่มี

ให้ต่างจากหน้าที่หลัก

ยิ่งคนเราอายุมากขึ้นเท่าไหร่

เราก็ยิ่งยึดติดกับขนบทางสังคมมากขึ้น

เราจึงมองไม่เห็นประโยชน์อื่นๆ

นอกเหนือหน้าที่หลักของสิ่งต่างๆรอบตัว

.

.

🔶 อีธาน ปีเตอร์ส

ผู้จัดการร้าน BoutiqueCo

ลงมือใช้ประโยชน์จากสิ่งที่

เขามีด้วยวิธีที่คิดไม่ถึง

"ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของ"

คนที่มีความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของนี้

จะรู้สึกรักและหวงแหน

ถึงแม้ว่าพวกเขา

จะไม่ได้เป็นเจ้าของสิ่งนั้นจริงๆ

เหมือนที่มันทำให้

อีธานดัดแปลงสินค้าตามไอเดียที่มี

อีธานจึงเริ่มลองผิดลองถูกกับสินค้า

การบริการลูกค้า และการฝึกอบรม

พนักงานด้วยตัวเองทั้งหมด

.

งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า

"เมื่อคนเรารู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของ

เราจะรักงานที่ทำมากกว่าเดิม"

.

คนเราจะคิดสร้างสรรค์

ได้มากขึ้นได้หรือไม่ ?

.

ถ้าเรามองหาข้อจำกัด?

"ข้อจำกัด" คือตัวกระตุ้น

ให้ใช้สิ่งที่มีอย่างสร้างสรรค์

.

การรู้ว่า "ความจริงแล้วข้อจำกัด

คือตัวขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์"

ได้ทำให้เขามองผลงาน

ของตัวเองในมุมมองใหม่ๆ

.

เราควรใช้สิ่งที่มีอย่างประหยัด

และเปลี่ยนมันให้กลายเป็น

ความสำเร็จยิ่งใหญ่กว่าเดิม

เราไม่ได้กลัวการใช้เงิน

.

แต่เรากลัวเสียเงินอย่าง

เปล่าประโยชน์ไปกับ

สิ่งที่ไม่ได้ช่วยพัฒนาธุรกิจ

.

.

🔶 ผู้เชี่ยวชาญยังต้องอาศัย

อุปกรณ์เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ

อย่างคุณหมอที่ใส่เสื้อกาวน์สีขาว

.

ผู้เชี่ยวชาญที่แขวน

ใบปริญญาบัตรไว้ข้างฝา

.

ยังมีคนที่มีความรู้

เล็กน้อยในด้านต่างๆ

และสามารถดึงมุมมอง

จากความรู้หลากหลายมาปรับใช้

จนเอาชนะผู้มีความรู้

เฉพาะด้านอย่างลึกซึ้งได้

.

คนที่เก่งที่สุดคือ

คนที่รู้รอบด้านนั่นเอง

.

ผู้เชี่ยวชาญมีจุดด้อยสำคัญคือ

"การยึดติดความรู้"

.

พวกเขามองไม่เห็นวิธีการใช้สิ่งที่มี

ในแบบที่แตกต่างออกไป

ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่สามารถ

หาทางแก้ใหม่ ๆ ได้

เพราะพวกเขาจินตนาการ

วิธีใช้สิ่งที่มีไว้ก่อนแล้ว

.

กฎแห่งประสบการณ์ที่หลากหลาย

(Multi-C) คือประสบการณ์ที่หลากหลาย

ช่วยให้มองเห็นสิ่งที่มี >> ด้วยมุมมองที่กว้างขึ้น

.

เราจึงแก้ปัญหาได้

หลากหลายวิธีมากขึ้น

.

เมื่อก่อนคนเราประสบความสำเร็จ

ได้จากการเก่งเรื่องเดียว

แต่สมัยนี้คนที่ประสบความสำเร็จสูง

กลับเป็นคนที่ใช้ความรู้

และประการณ์ด้านต่าง ๆ ได้อย่างสมดุล

.

.

🔶 คุณต้องลงมือทำก่อน

แล้วแรงบันดาลใจจะตามมาทีหลัง

อย่าไปรอให้เกิดแรงบันดาลใจ

ก่อนถึงจะลงมือทำ

ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ได้ทำอะไรกันพอดี

.

การมัวแต่รอ "สิ่งที่ใช่"

มีแต่จะทำให้งานล่าช้าออกไป

การฉลาดคิดทำให้ได้ผลลัพธ์

ยิ่งกว่าการที่ผมมีเวลา

และงบลงทุนเยอะซะอีก

.

มันเป็นไปไม่ได้ที่คนเรา

จะเตรียมพร้อมได้รอบด้าน

ถ้ามัวแต่วางแผน

เราก็ไม่ลงมือทำเสียที

.

คนเราชอบวางแผน

เพราะมันเป็นสิ่ง

ที่คุ้นเคยทำให้สบายใจ

.

ยิ่งเราวางแผนละเอียดเท่าไหร่

เราก็ยิ่งลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ได้ช้าลงเท่านั้น

.

คนเราชอบวางแผนเพราะเชื่อว่า

ถ้าอยากได้อย่างต้องยอมเสียอีกอย่าง

ต้องเลือกเอาระหว่างความรวดเร็ว

และความถูกต้อง

.

นักวิจัยพบว่า

"การวางแผนมีผลกับประสิทธิภาพ

การทำงานเพียงน้อยนิดเท่านั้น"

.

ยิ่งสิ่งที่คุณทำอยู่

เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลง

ได้ตลอดเวลามากเท่าไหร่

การลงมือทำทันทีและการอยู่

กับปัจจุบันก็ยิ่งสำคัญมากเท่านั้น

.

.

🔶 ความคาดหวังทำให้เรา

ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ได้

"อุปทานหมู่" หมายถึงถ้าผู้คนคิดว่า

สถานการณ์นั้นเป็นความจริง

พวกเขาก็จะแสดงปฏิกิริยา

ตามความคิดของตัวเอง

จนทำให้เกิดผลลัพธ์

ที่เปลี่ยนอนาคตไปตามที่พวกเขาคิด

.

โรงเรียนโอ๊กสคูลที่เลนอร์ทำงานอยู่

นั้นมีห้องเรียน 18ห้อง

แต่ละชั้นปีมี3ห้อง

.

ระดับความสามารถ

ทางการศึกษาที่ไม่ใช่ข้อมูลจริง

กลับกลายเป็นความจริงได้

เพราะนักเรียนกลุ่มนี้ตั้งใจเรียน

มากขึ้นตามที่ครูเชื่อมั่น

ในความสามารถของพวกเขา

.

และตัวครูเองก็ทุ่มเทความสนใจ

ให้กับเด็กที่ตัวเองคิดว่าเป็นเด็กเก่ง

เรียกได้ว่านักวิจัยได้ทำให้

เกิดอุปทานทางบวก หรือความเชื่อ

ที่ช่วยเพิ่มคุณค่าของบางสิ่ง

.

ทฤษฎีพิกแมเลี่ยนเอฟเฟกต์

(Pygmalion Effect)

เป็นทฤษฎีที่อธิบายว่า

.

"การคาดหวังในความสามารถ

ของคนอื่นจะช่วยเพิ่มศักยภาพ

ของคนเหล่านั้นได้"

.

.

🔶 สิ่งที่ทำให้ Kogi

เนื้อย่างบาร์บีคิวเกาหลี

ต่างจากรถขายอาหารทั่วไป

คือการผสมผสาน 2 ปัจจัย

ที่ดูไม่น่าจะเข้ากันได้

.

นั่นคืออาหารคุณภาพสูง

อย่างที่ให้บริการในโรงแรมชั้นนำ

และรถขายอาหารที่แต่เดิมนั้น

ถูกมองว่าให้บริการ

เฉพาะอาหารคุณภาพต่ำ

.

แต่คนฉลาดมองว่า

เมื่อมีทรัพยากรจำกัด

เราก็จะรู้จักยืดหยุ่นพลิกแพลงมัน

ดังนั้นการต่อสู้แย่งชิงจึงทำลายโอกาส

ในการใช้สิ่งที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

.

การเพิ่มความเป็นมิตร

ในความสัมพันธ์ที่ขัดแย้ง

ทำให้ทุกคนพัฒนามากขึ้น

เพียงแค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน

คนที่เคยไม่ชอบหน้าก็หันมา

ชื่นชอบอีกฝ่ายได้

ไม่ต้องอาศัยเงื่อนไข

หรือปัจจัยใด ๆ อีก

.

.

🔶 แนวทางการสร้างภาพยนต์

ของโรเบิร์ต โรดริเกซ

ที่มุ่งหน้าไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีสคริปต์

.

สร้างแรงบันดาลใจ

ให้เราทุกคนลงมือทำตามฝัน

ด้วยต้นทุนเท่าที่มี

.

เพราะการรอคอยสิ่งที่ใช่

อาจกินเวลานานหรือ

ไม่มีวันมาถึงเลยก็ได้

.

แต่การลงมือทำทันที

จะสอนให้เราพอใจ

ในสิ่งที่มีอยู่และใช้มัน

เป็นต้นทุนในการทำตามฝัน

.

สิ่งดีงามทั้งหลายอาจกลาย

เป็นเลวร้ายได้หากไม่พอดี

.

ความฟุ่มเฟือยส่วนใหญ่

ทำไปเพียงเพื่อต้องการโอ้อวด

ซึ่งเป็นนิสัยของเหล่านักไล่ตาม

.

ส่วนนิสัยขั้วตรงข้าม

ที่เลวร้ายไม่แพ้กันคือ

ความตระหนี่เพื่อสั่งสมความร่ำรวย

.

แทนที่จะใช้ความร่ำรวย

เพื่อบรรลุเป้าหมายที่สูงยิ่งขึ้น

.

ความเลวร้ายนี้คือผลเสีย

จากการฉลาดคิดจนเกินตัวที่เรียกว่า

"จากประหยัดเป็นขี้เหนียว"

.

คนรู้จักประหยัดกับคนขี้เหนียว

แตกต่างกันอย่างชัดเจน

.

คนที่ประหยัดจะสุขเมื่อได้เก็บออม

ส่วนคนขี้เหนียวจะทุกข์เมื่อต้องใช้จ่าย

.

.

🔶 ทักษะการฉลาดคิดนั้นไม่ต่างอะไร

จากกล้ามเนื้อของคนเรา

มันจะแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการฝึกฝน

.

ถ้าเราเปลี่ยนทัศนคติ

ไปเป็นการใช้สิ่งที่มี

ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เราจะรู้ว่าสิ่งที่มีอยู่นั้นสำคัญ

ยิ่งกว่าสิ่งที่หามาได้มากนัก

.

เมื่อคิดเช่นนี้

เราจะหยุดหาสิ่งต่าง ๆ

มาเพิ่มและใช้ประโยชน์

จากสิ่งที่มีอยู่ง่ายขึ้น

.

ในโลกแห่งความเป็นจริง

สิ่งที่มีประโยชน์จำนวนมากหลับใหลอยู่

.

หากพิจารณาดูให้ดี ๆ คุณจะพบว่าจริง ๆ

แล้วรอบตัวเรามีสิ่งต่าง ๆ มากมาย

ที่รอคอยให้เราค้นพบและนำมาใช้

.

⭐ ค้นคว้าคุณค่าที่ซ่อนอยู่ ⭐

วิธีนี้จะช่วยเราแก้ไขปัญหาต่าง ๆ

และคว้าโอกาสสู่ความสำเร็จมาครอง

.

.

เพียงปลดล็อคข้อจำกัดที่มี

คุณจะก้าวหน้าทั้งในชีวิต ธุรกิจ

และอาชีพการงานเป็นเท่าตัว😌

.

.

.

#เล่มนี้เราว่าดี #ติดเทรนด์ #หนังสือน่าอ่าน #รีวิวชีวิตทำงาน #หนังสือฮีลใจ #หนังสือจิตวิทยา